อธิบาย Fibonacci ตัวเลขมหัศจรรย์ ที่ใช้คาดการณ์ราคาหุ้น แบบเข้าใจง่าย ๆ

อธิบาย Fibonacci ตัวเลขมหัศจรรย์ ที่ใช้คาดการณ์ราคาหุ้น แบบเข้าใจง่าย ๆ

6 ม.ค. 2025
จากเกลียวของดอกทานตะวัน โค้งของเปลือกหอย วงของทางช้างเผือก ไปจนถึงสัดส่วนในภาพโมนาลิซาและวิหารพาร์เธนอน 
ทุกความสมบูรณ์แบบเหล่านี้ ล้วนถูกร้อยเรียงด้วยลำดับตัวเลขที่เรียกว่า ฟีโบนัชชี (Fibonacci)
ความน่าสนใจคือ ลำดับตัวเลขนี้ไม่ได้มีแค่บทบาทในธรรมชาติหรือศิลปะเท่านั้น 
แต่ปัจจุบันนี้ ยังกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการคาดการณ์แนวโน้มราคาหุ้น ที่นักลงทุนสายเทคนิคใช้กันอย่างแพร่หลาย
แล้ว Fibonacci ช่วยคาดการณ์ราคาหุ้นได้อย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุนให้เข้าใจง่าย ๆ
ลำดับตัวเลขที่เรียกว่า Fibonacci มีต้นกำเนิดจากแนวคิดทางคณิตศาสตร์ในอินเดียโบราณ ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล 
แต่เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในโลกตะวันตก ในช่วงศตวรรษที่ 13 ผ่านหนังสือ Liber Abaci ของ Leonardo Fibonacci นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี
โดยหนังสือ Liber Abaci มีเนื้อหาเกี่ยวกับระบบตัวเลขฮินดู-อารบิก การแก้โจทย์ปัญหาและวิธีคำนวณ 
รวมถึงปัญหาการขยายพันธุ์ของกระต่าย ซึ่งเป็นที่มาของลำดับ Fibonacci ที่เรารู้จักในปัจจุบัน
ลำดับ Fibonacci คือ ลำดับเลขที่เกิดจากการนำตัวเลข
2 ลำดับก่อนหน้ามาบวกกัน โดยเริ่มต้นด้วยเลข 0 และ 1
แล้วนำผลลัพธ์มาเรียงต่อกันไปเรื่อย ๆ
ก็จะได้เป็น 0 + 1 = 1 เรียงได้เป็น 0, 1, 1
จากนั้นนำ 1 + 1 = 2 เรียงได้เป็น 0, 1, 1, 2
ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ 
0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, …
ลำดับตัวเลขนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แนวคิดทางคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่ยังปรากฏอยู่ในธรรมชาติอย่างแพร่หลาย
ทั้งการจัดเรียงกลีบดอกไม้ การเวียนของเปลือกหอย หรือแม้กระทั่งรูปแบบของทางช้างเผือก
ลักษณะเหล่านี้สะท้อนถึงความสมดุลและความงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น
และเมื่อเรานำตัวเลขในลำดับมาหารด้วยตัวเลขก่อนหน้า
ผลลัพธ์จะใกล้เคียง 1.618 เสมอ อย่างเช่น
- 89 หารด้วย 55 เท่ากับ 1.61818 
- 144 หารด้วย 89 เท่ากับ 1.61797 
- 233 หารด้วย 144 เท่ากับ 1.61805 
เรียกว่า สัดส่วนทองคำ หรือ Golden Ratio เป็นสัดส่วนที่ถูกมองว่าเป็นมาตรฐานของความงามทั้งในธรรมชาติและศิลปะ 
นอกจากนี้ หากนำตัวเลขก่อนหน้ามาหารด้วยตัวเลขในลำดับถัดไป จะได้ค่าคงที่ที่สำคัญ นั่นคือ 
- หารด้วยลำดับถัดไป 1 ตำแหน่ง
34 หารด้วย 55 เท่ากับ 0.618
- หารด้วยลำดับถัดไป 2 ตำแหน่ง
34 หารด้วย 89 เท่ากับ 0.382
- หารด้วยลำดับถัดไป 3 ตำแหน่ง
34 หารด้วย 144 เท่ากับ 0.236
ซึ่งทั้งตัวเลข 0.618, 0.382, 0.236 รวมถึง 1.618 เหล่านี้ถูกนำมาพัฒนาเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เราน่าจะเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง นั่นคือ Fibonacci 
Fibonacci เป็นเครื่องมือที่ช่วยนักลงทุนคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคา ทั้งทิศทาง เป้าหมาย และแนวรับ แนวต้าน
โดยถ้าหากเราทำการลากเส้น Fibonacci ในแอปพลิเคชันสำหรับดูกราฟหุ้นทั่วไป จะแบ่งเป็น 2 ส่วน ก็คือ 
ส่วนที่ค่าตั้งแต่ 0-100% จะเรียกว่า Retracement 
และส่วนที่ค่ามากกว่า 100% ขึ้นไป เรียกว่า Extension
สำหรับแนวโน้มขาขึ้น การลากเส้นจะวัดจากจุดต่ำสุดไปยังจุดสูงสุดของรอบ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ 
ราคาหุ้น A เพิ่มขึ้นจาก 100 บาท ไปถึง 200 บาท 
แล้วราคากำลังย่อตัวลงมา 
เราสามารถใช้ Fibonacci Retracement เพื่อคาดการณ์แนวรับได้
แนวรับที่หนึ่ง 23.6% เท่ากับประมาณ 176 บาท
แนวรับที่สอง 38.2% เท่ากับประมาณ 162 บาท
แนวรับที่สาม 61.8% เท่ากับประมาณ 138 บาท
ระดับราคาเหล่านี้เป็นจุดที่ราคามักจะหยุดพักก่อนกลับขึ้นไปตามแนวโน้มเดิม  
ตรงแนวรับต่าง ๆ เหล่านี้บางคนก็อาจจะใช้เป็นจุดที่ทยอยเข้าซื้อเพิ่ม ถ้าหากคิดว่าจะกลับไปเป็นขาขึ้น หรือบางคนก็ใช้เป็นจุดพิจารณาตัดขาดทุนเพื่อจำกัดความเสี่ยงได้ด้วยเช่นกัน
ในทำนองเดียวกัน เราสามารถใช้หลักการนี้กับขาลงเพื่อหาแนวต้านที่ราคาหุ้นจะขึ้นมาชน ก่อนลงต่อตามแนวโน้มก็ได้เช่นกัน โดยลากเส้นจากจุดสูงสุดไปจุดต่ำสุดในขาลงของรอบ
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพง่าย ๆ 
หากราคาหุ้น A เริ่มจาก 100 บาท ขึ้นไป 200 บาท แล้วย่อลงมาที่ 150 บาท
เมื่อราคาเริ่มกลับขึ้นไปใหม่ เราสามารถใช้ Fibonacci Extension คาดการณ์ราคาหุ้นเป้าหมาย หรือแนวต้านได้
แนวต้านที่หนึ่ง 161.8% เท่ากับประมาณ 312 บาท
แนวต้านที่สอง 261.8% เท่ากับประมาณ 412 บาท
โดยระดับราคาเหล่านี้เป็นจุดที่ราคามักจะวิ่งไปถึงหากแนวโน้มยังคงแข็งแรงอยู่ ซึ่งเราอาจจะใช้เป็นจุดพิจารณาในการทยอยขายทำกำไรได้ด้วย
อ่านถึงตรงนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้เข้าใจถึงที่มาและเข้าใจการใช้งาน Fibonacci ในเบื้องต้นบ้างแล้ว
ทั้งนี้ตัวเลขในตัวอย่างข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างที่ใช้อธิบายเพื่อให้เข้าใจง่าย ๆ เท่านั้น ในทางปฏิบัติ อัตราส่วนของ Fibonacci อาจมีความซับซ้อนและแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ตลาด
จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ทำให้ Fibonacci โดดเด่น ไม่ใช่แค่เป็นสูตรคณิตศาสตร์ธรรมดา แต่คือความสามารถในการสะท้อนพฤติกรรมมวลชนในตลาด
เพราะระดับราคาที่คำนวณได้มักกลายเป็นจุดสนใจร่วมของนักลงทุนอย่างน่าประหลาด จนทำให้ราคามีแนวโน้มตอบสนองต่อระดับเหล่านี้
ด้วยเหตุนี้ Fibonacci จึงเป็นเครื่องมือยอดนิยมในหมู่นักลงทุนสายเทคนิค เพราะช่วยคาดการณ์แนวโน้มราคาได้อย่างน่าสนใจ
แต่อย่าลืมว่า ไม่มีเครื่องมือวิเคราะห์ใดที่สามารถทำนายตลาดได้ 100% เสมอไป 
การใช้ Fibonacci ควรใช้ควบคู่กับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ และการบริหารความเสี่ยงที่ดี จึงจะช่วยให้การลงทุนของเรามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น..
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#Fibonacci 
References
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.