อธิบาย Buffett Indicator เครื่องมือจับจังหวะการลงทุน แบบที่ Warren Buffett ใช้

อธิบาย Buffett Indicator เครื่องมือจับจังหวะการลงทุน แบบที่ Warren Buffett ใช้

13 ส.ค. 2024
เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่แล้ว เราคงได้เห็นข่าวใหญ่สะเทือนตลาดหุ้นกัน
นั่นคือ คุณ Warren Buffett นักลงทุนระดับตำนานของโลก ได้ขายหุ้นบริษัท Apple ออกมาเป็นจำนวนมาก คิดเป็นสัดส่วนครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่
เรื่องนี้สร้างความฉงนให้กับนักลงทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เพราะต่างก็ตั้งสมมติฐานกันไปต่าง ๆ นานา
บ้างก็คิดว่า อนาคตของบริษัท Apple อาจจะไม่ได้ดีอีกต่อไปแล้วหรือเปล่า หรือบ้างก็เชื่อว่า คุณ Buffett อาจจะมองว่าต่อไปเศรษฐกิจคงไม่ดี ควรจะเทขายหุ้นออกมาก่อนเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม ก็มีนักลงทุนบางคนคิดว่า ดัชนีตลาดหุ้นในวันนี้อาจจะสูงกว่ามูลค่าที่เหมาะสมมาก จนถึงเวลาที่คุณ Buffett จำเป็นต้องปรับพอร์ต ด้วยการขายหุ้นออกไปบ้าง
ซึ่งนั่นนำมาสู่การที่เราควรรู้จักเครื่องมือหนึ่ง ที่ไว้ใช้ดูว่า ราคาของหุ้นในตลาดตอนนี้ แพงเกินไปแล้วหรือไม่
เรากำลังพูดถึง “Buffett Indicator” ดัชนีที่ตั้งชื่อตามคุณ Warren Buffett
แล้วถ้าหากสงสัยว่า Buffett Indicator คืออะไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
Buffett Indicator นั้น เป็นการเปรียบเทียบระหว่าง มูลค่าบริษัทในตลาดหุ้นทั้งหมด และ GDP ของประเทศ
โดยตามหลักการแล้ว ราคาหุ้นในตลาดจะเพิ่มสูงขึ้นได้ ก็ควรมาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ดี เป็นพื้นฐานรองรับ
เพราะถ้าเกิดราคาหุ้นในตลาดแพงมาก แต่พื้นฐานเศรษฐกิจไม่ดี ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเลย
สำหรับการคำนวณหา Buffett Indicator เราจะนำ มูลค่าของตลาดหุ้นทั้งประเทศ มาหารด้วย GDP ของประเทศ
หากค่าที่ได้ สูงมากกว่า 1 เท่ามาก ๆ ก็หมายความว่า ราคาหุ้นในตลาดโดยรวม แพงเกินไป
แต่ถ้าค่าที่ได้ ต่ำกว่า 1 เท่า ก็หมายความว่า หุ้นโดยรวม มีราคาถูก
ลองมาดูตัวอย่างในปัจจุบันจากตลาดหุ้นประเทศสหรัฐอเมริกากัน
- มูลค่าตลาดหุ้นทั้งประเทศ ประมาณ 1,878 ล้านล้านบาท
- GDP ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี 2023 เท่ากับ 970 ล้านล้านบาท
ดังนั้น Buffett Indicator จึงเท่ากับ 1.93 เท่า ถือว่าราคาหุ้นโดยรวมของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบัน ค่อนข้างสูงมาก
ซึ่งถ้าลองไปดูข้อมูลย้อนหลัง เราจะพบว่า ในหลาย ๆ ครั้งคุณ Warren Buffett ก็มีการซื้อขายหุ้นตาม Buffett Indicator ที่เปลี่ยนแปลงไป 
- ปี 1969 ก่อนเกิดช่วงตลาดหุ้นตกต่ำ Buffett Indicator สูงถึง 2 เท่า 
ซึ่งช่วงเวลานั้น คุณ Buffett ปิดกองทุน Buffett Partnership ของตัวเอง และเลือกถือเงินสดเอาไว้เฉย ๆ เป็นเวลาหลายปี
โดยคุณ Buffett ให้เหตุผลในการปิดกองทุนในครั้งนั้นเอาไว้ว่า เพราะเขาไม่สามารถหาหุ้นราคาถูกได้เลย
และหลังจากนั้นไม่กี่ปี ในช่วงปี 1973-1974 ตลาดหุ้นก็ปรับตัวลดลงมาก จน Buffett Indicator กลับมาต่ำกว่า 1 เท่า
ซึ่งคุณ Buffett ก็ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นอีกครั้ง โดยได้เข้าซื้อหุ้นบริษัทหนังสือพิมพ์ดังอย่าง The Washington Post เป็นต้น
- ปี 2000 Buffett Indicator สูงถึง 2 เท่า และหลังจากนั้น ก็เกิดวิกฤติฟองสบู่ดอตคอมขึ้น 
แม้ตรงนี้คุณ Warren Buffett ไม่ได้มีการซื้อขายหุ้นอะไรที่ใหญ่ ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นว่าช่วงเวลานั้น ตลาดหุ้นแพงเกินจริงไปมาก จนพังครืนลงมาในที่สุด
- ปี 2008-2009 เป็นช่วงเกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาตกต่ำลงมามาก จน Buffett Indicator เหลือแค่ 0.5 เท่า เท่านั้น
ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน คุณ Buffett ก็ได้ใช้โอกาสนี้ เข้าลงทุนในบริษัท BNSF และ Bank of America เป็นต้น
หากเราลองสังเกตดู จะพบว่า ในช่วงที่ Buffett Indicator ขึ้นไปสูงถึง 2 เท่า หลังจากนั้นไม่นาน ราคาหุ้นในตลาดโดยรวม ก็จะตกลงมาเยอะ
ในทางกลับกัน ช่วงที่ Buffett Indicator อยู่ต่ำกว่า 1 เท่า ไม่นานราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น
ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงธรรมชาติของตลาดหุ้น ที่มีขึ้น มีลง เป็นวัฏจักรอยู่ตลอดมา
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราคงเข้าใจกันมากขึ้นแล้วว่า Buffett Indicator คืออะไร และมีประโยชน์ต่อการมาช่วยจับจังหวะการลงทุน ได้อย่างไร
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ดัชนีนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใช้ฟันธง ว่าเราควรจะซื้อหรือขายหุ้น
เพราะ Buffett Indicator ให้แค่สัญญาณ ภาพรวมของตลาด แต่ไม่ได้บอกว่าราคาหุ้นในพอร์ตการลงทุนของเรา กำลังถูกหรือแพง
และถึงแม้ในตลาดหุ้นที่ราคาแพง แต่ถ้าหากเราพลิกหาหุ้นทุกตัว ก็ยังคงมีหุ้นบริษัทดี ๆ ที่กำลังซื้อขายในราคาถูกอยู่เช่นกัน 
ดังนั้นเมื่อเราดูภาพใหญ่แล้ว ก็อย่าลืมเก็บรายละเอียด โดยเจาะไปที่หุ้นรายตัวด้วย เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสลงทุนในหุ้นดี ๆ เพียงแค่หุ้นตัวอื่นที่มีในตลาด กำลังแพงเกินไป..
#ลงทุน
#หุ้นนอก 
#BuffettIndicator
References
-ลงทุนแนว VI | EP 28 | หาโอกาสซื้อหุ้นราคาถูกตามแนว VI กับ Buffett Indicator
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.