ทำไม นักเรียนเวียดนาม ถึงทำคะแนนสอบ ได้ดีกว่า นักเรียนสหรัฐอเมริกา

ทำไม นักเรียนเวียดนาม ถึงทำคะแนนสอบ ได้ดีกว่า นักเรียนสหรัฐอเมริกา

8 ก.ย. 2023
ทำไม นักเรียนเวียดนาม ถึงทำคะแนนสอบ ได้ดีกว่า นักเรียนสหรัฐอเมริกา | MONEY LAB
คะแนนสอบที่ว่า คือ PISA ซึ่งเป็นการประเมินความรู้ด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ภายใต้โปรแกรมประเมินสมรรถนะนักเรียนมาตรฐานสากล ของประเทศกลุ่ม OECD
โดยเป็นผลคะแนนของปี 2015 ที่จัดสอบกับเด็กนักเรียน อายุ 15 ปี ในประเทศมากกว่า 70 ประเทศ
เวียดนาม ได้คะแนนเฉลี่ย 3 วิชา อยู่ในอันดับที่ 22 ซึ่งเป็นอันดับที่สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส
แล้วเพราะอะไร ระบบการศึกษาเวียดนามถึงสามารถผลิตนักเรียนที่ทำคะแนนได้ดีแบบนี้ ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอนให้เข้าใจ
ต้องบอกก่อนว่า PISA จะจัดสอบทุก ๆ 3 ปี โดยผลการสอบล่าสุดที่มีการเผยแพร่คือ การสอบรอบปี 2018 (ปี 2022 สอบเสร็จไปแล้ว แต่ยังไม่ประกาศผลอย่างเป็นทางการ)
ส่วนคะแนนสอบ PISA ของเด็กนักเรียนเวียดนามในปี 2018 นั้นไม่ได้รับการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ
เนื่องจาก OECD ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของข้อมูลได้
แต่ที่น่าสนใจก็คือ คะแนนของปี 2015 ที่เวียดนามทำได้ เป็นอันดับที่ 22
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเวียดนามถือเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เวียดนามมีระบบการศึกษาที่ดี มีหลายปัจจัย ได้แก่
-การใช้จ่ายในด้านการศึกษาของรัฐบาล
เวียดนามให้ความสำคัญกับการจัดสรรงบประมาณให้แก่ภาคการศึกษาของประเทศเป็นอย่างมาก
รู้หรือไม่ว่า ช่วงระหว่างปี 2011 จนถึงปี 2020 รัฐบาลเวียดนามใช้จ่ายด้านการศึกษาเฉลี่ยแล้วสูงถึง 4.9% ของ GDP
ซึ่งตัวเลขนี้เป็นสัดส่วนที่สูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น
-กัมพูชา 1.9%
-สิงคโปร์ 2.9%
-ลาว 3.3%
และเมื่อคิดเป็นสัดส่วนเทียบกับรายจ่ายทั้งหมดของรัฐบาล รายจ่ายด้านการศึกษาของเวียดนามจะคิดเป็น 18% ของรายจ่ายทั้งหมด
สัดส่วนนี้ก็ถือว่าสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่น
-ไทย 14.9%
-อินโดนีเซีย 17.5%
-มาเลเซีย 17.7%
-คุณภาพครู
เวียดนามยังให้ความสำคัญการพัฒนาคุณภาพครู ซึ่งถือเป็นกำลังหลักที่สำคัญ ในการพัฒนาบุคลากรของชาติ
โดยรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมหลายอย่าง เพื่อให้ครูเอาใจใส่ในด้านการสอนมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น การจัดการฝึกอบรมครูอย่างสม่ำเสมอ
และยังสนับสนุนให้ครูสามารถออกแบบการเรียนการสอนในห้อง ได้อย่างอิสระมากขึ้น เพื่อทำให้เด็กนักเรียนตั้งใจเรียน
นอกจากนี้ การประเมินครูนั้น จะประเมินผ่านผลสอบของนักเรียนที่สอน โดยครูที่ทำผลงานได้ดีจะได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน
รัฐบาลยังมองถึงการเข้าถึงคุณภาพการเรียนการสอนที่เท่าเทียมกันด้วย โดยครูที่ได้รับมอบหมาย ให้ไปสอนในพื้นที่ห่างไกลนั้น จะได้รับค่าจ้างที่สูงกว่า ครูที่สอนอยู่ในเมืองใหญ่
-ค่านิยมของสังคม
นักวิเคราะห์จาก Asian Development Bank ระบุว่า ลัทธิขงจื๊อนั้นฝังรากลึกอยู่ในสังคมเวียดนามมาอย่างยาวนาน
ซึ่งที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า เมื่อก่อน ดินแดนส่วนหนึ่งของเวียดนาม เคยอยู่ภายใต้การปกครองของจีน
และได้รับอิทธิพลของลัทธิขงจื๊อเข้ามา
ซึ่งลัทธิขงจื๊อ จะให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมาก จึงทำให้หลาย ๆ ครอบครัวในเวียดนามต่างพยายามให้ลูกของตัวเอง เข้าถึงการศึกษาที่ดีที่สุดเสมอ
โดยนอกเหนือจากการเสาะหาโรงเรียน ที่มีครูที่มีผลงานการสอนดี ให้ลูกเรียนแล้ว เกือบทุกครอบครัวก็จะมีการจ้างครูสอนพิเศษ ให้มาสอนลูกของตัวเองด้วย
สรุปแล้วก็คือ นโยบายการผลักดันด้านการศึกษาของรัฐบาล ที่รวมถึงการพัฒนาคุณภาพการสอนของครู และปัจจัยด้านสังคมอย่างค่านิยมที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาของคนเวียดนามนี้เอง
ก็ได้ทำให้ระบบการศึกษาของเวียดนาม อยู่ในระดับที่ดีกว่าหลาย ๆ ประเทศ
และยังทำให้เด็กนักเรียนของตัวเอง สามารถทำคะแนน PISA ได้สูงกว่าเด็กนักเรียนจากประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม PISA นั้นก็เป็นเพียงการสอบด้านการอ่าน คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เท่านั้น
ซึ่งตามปกติ การเรียนก็ย่อมมีหลากหลายวิชา นอกเหนือจาก 3 วิชาข้างต้น
และสิ่งสำคัญอีกอย่าง ที่โรงเรียนควรสอนนักเรียนก็คือ ซอฟต์สกิลต่าง ๆ ด้วย
จึงไม่ได้หมายความว่า ระบบการศึกษาของเวียดนามนั้นดีกว่าสหรัฐอเมริกาหรือสหราชอาณาจักร ในทุก ๆ ด้าน
แม้เด็กนักเรียนเวียดนามจะทำคะแนน PISA ได้สูงกว่าก็ตาม
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่เวียดนามมีบุคลากร ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่ดีแบบนี้
ก็เป็นพื้นฐานสำคัญให้ประเทศ ในอนาคตได้..
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.