ทำไม “เงินติด​ล้อ” มี​ยอด​สินเชื่อ​ต่อ​สาขา​ สูง​กว่าเจ้าอื่น​ 3 เท่า

ทำไม “เงินติด​ล้อ” มี​ยอด​สินเชื่อ​ต่อ​สาขา​ สูง​กว่าเจ้าอื่น​ 3 เท่า

28 พ.ย. 2023
ทำไม “เงินติด​ล้อ” มี​ยอด​สินเชื่อ​ต่อ​สาขา​ สูง​กว่าเจ้าอื่น​ 3 เท่า | MONEY LAB
ในประเทศไทยจะมีบริษัทปล่อยสินเชื่อ ที่เป็นเจ้าใหญ่อยู่ 3 เจ้า นั่นก็คือ เมืองไทย แคปปิตอล, ศรีสวัสดิ์ และเงินติดล้อ
ซึ่งทั้ง 3 เจ้า ก็มีมูลค่าพอร์ตสินเชื่อไม่หนีกันมากนัก คืออยู่ราว ๆ 100,000 ล้านบาท
แต่สิ่งที่น่าสังเกตก็คือ “เงินติดล้อ” มียอดปล่อยสินเชื่อต่อสาขา ที่สูงเป็น 3 เท่า เมื่อเทียบกับอีก 2 เจ้าใหญ่
อะไรที่ทำให้ เงินติดล้อ มียอดปล่อย​สินเชื่อ​ต่อ​สาขาสูงกว่าเจ้าอื่น ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
ในธุรกิจค้าปลีก ถ้าเราอยากจะรู้ว่า แต่ละสาขาขายของได้มากแค่ไหน เราจะดูที่ “ยอดขายต่อสาขา”
แต่ถ้าเป็นธุรกิจปล่อยสินเชื่อ เราก็จะดู “ยอดปล่อยสินเชื่อต่อสาขา” ที่จะบอกถึง ความสามารถในการปล่อยสินเชื่อของบริษัท
ตัวอย่างเช่น บริษัท A มีพอร์ตสินเชื่อ 100 ล้านบาท และมีสาขาทั้งหมด 10 สาขา
นั่นก็หมายความว่า บริษัท A มียอดปล่อยสินเชื่อ 10 ล้านบาทต่อสาขา
ทีนี้เราลองมาดูว่า บริษัทปล่อยสินเชื่อ 3 เจ้าใหญ่ในไทย มีพอร์ตสินเชื่อ และจำนวนสาขา เท่าไรกันบ้าง
โดยดูจากข้อมูล ณ ไตรมาส 3 ปี 2566
เมืองไทย แคปปิตอล
พอร์ตสินเชื่อ 138,742 ล้านบาท จาก 7,365 สาขา
ศรีสวัสดิ์
พอร์ตสินเชื่อ 95,947 ล้านบาท จาก 5,500 สาขา
เงินติดล้อ
พอร์ตสินเชื่อ 91,888 ล้านบาท จาก 1,662 สาขา
เราสามารถคำนวณ ยอดปล่อยสินเชื่อต่อสาขาได้ ดังนี้
เมืองไทย แคปปิตอล 18.8 ล้านบาทต่อสาขา
ศรีสวัสดิ์ 17.4 ล้านบาทต่อสาขา
เงินติดล้อ 55.3 ล้านบาทต่อสาขา
จะเห็นว่า เงินติดล้อ มียอดปล่อยสินเชื่อต่อสาขา มากกว่าอีก 2 บริษัท คิดเป็นเกือบ 3 เท่า
แล้วเงินติดล้อทำแบบนั้นได้อย่างไร ?
คำตอบมาจากหลายสาเหตุ
เงินติดล้อ เป็นบริษัทลูกของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท เงินติดล้อ ถึง 30%
ทำให้ เงินติดล้อ สามารถใช้ประโยชน์จากการที่ลูกหนี้เข้าถึงสินเชื่อผ่าน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ได้
ซึ่งปัจจุบันธนาคารกรุงศรีอยุธยา มีสาขาถึง 560 สาขา
การมีบัตรกดเงินสด
ส่วนหนึ่งที่ เงินติดล้อ ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสาขาเพียงอย่างเดียว เพราะว่ามีบริการบัตรกดเงินสด ที่เรียกว่า “บัตรติดล้อ”
โดยลูกหนี้สามารถกดเงินสดผ่านตู้ ATM ในเครือของเงินติดล้อ ได้ถึง 50,000 จุด
นอกจากนี้ ณ ไตรมาส 2 ปี 2566 เงินติดล้อได้ออกบัตรติดล้อไปแล้วกว่า 577,000 ใบ คิดเป็น 61% ของบัญชีลูกหนี้ทั้งหมดของเงินติดล้อ
หมายความว่า การมีบัตรติดล้อ ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาที่สาขา
และสามารถลดจำนวนการเปิดสาขาของเงินติดล้อได้
พอร์ตสินเชื่อส่วนใหญ่ เป็นสินเชื่อรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ และรถบรรทุก
ถ้าเราเข้าไปดูสัดส่วนประเภทสินเชื่อ ของเมืองไทย แคปปิตอล และศรีสวัสดิ์ จะพบว่า ส่วนใหญ่จะเน้นปล่อยสินเชื่อประเภทรถมอเตอร์ไซค์ คือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30%
แต่ถ้าเปรียบเทียบกับ เงินติดล้อ ที่มีสินเชื่อประเภทรถมอเตอร์ไซค์เพียง 14% จากข้อมูล ณ​ ไตรมาส 2 ปี 2566
ในขณะที่สัดส่วนที่เหลืออีก 86% คือสินเชื่อรถยนต์ และรถบรรทุกรวมกัน
ซึ่งรถยนต์ และรถบรรทุกนั้น จะมีวงเงินการให้สินเชื่อที่สูงกว่ารถมอเตอร์ไซค์
ดังนั้น ถ้าเราเห็นว่าลูกค้าเดินเข้าสาขาของแต่ละบริษัท ก็มีแนวโน้มว่า เงินติดล้อ จะมียอดสินเชื่อที่สูงกว่าหลายเท่า เพราะมีสัดส่วนรถยนต์ และรถบรรทุก รวมกันถึง 86% นั่นเอง
จากเหตุผลทั้งหมดนี้เอง ทำให้ เงินติดล้อ มียอดปล่อยสินเชื่อต่อสาขา สูงกว่าคู่แข่ง คิดเป็น 3 เท่า
แต่จากปัจจัยที่ว่ามานี้ ก็มีสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรต้องระวัง คือ การพึ่งพาบริษัทแม่ อย่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา
เพราะธนาคารกรุงศรีอยุธยาที่มี 560 สาขานั้น คิดเป็น 1 ใน 4 ของสาขาของเงินติดล้อ และของธนาคารกรุงศรีอยุธยารวมกัน
นั่นแปลว่า หากบริษัทแม่ขายหุ้นออกไป สิ่งหนึ่งที่ต้องสูญเสียไปแบบปฏิเสธไม่ได้เลย ก็คือ สาขาจากบริษัทแม่
ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่นักลงทุนต้องพิจารณาให้ดี เพราะการจะเป็นนักลงทุนที่ดี อาจไม่ใช่การดูแค่ตัวเลข
แต่เราต้องดูให้เข้าใจว่า อะไรคือจุดสำคัญที่ทำให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่ง เพราะหากเกิดเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบกับบริษัท เราจะได้รับมือกับสิ่งที่ไม่คาดคิดได้ นั่นเอง..
References
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ณ ไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ณ ไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ณ ไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.