ทำไม สิงคโปร์ กลายเป็นแม่เหล็ก ดูดเศรษฐีจีน และอินเดีย

ทำไม สิงคโปร์ กลายเป็นแม่เหล็ก ดูดเศรษฐีจีน และอินเดีย

19 ก.พ. 2024
ทำไม สิงคโปร์ กลายเป็นแม่เหล็ก ดูดเศรษฐีจีน และอินเดีย | MONEY LAB
ปี 2023 ที่ผ่านมา มีเหล่าเศรษฐีที่พากันย้ายออกจากประเทศบ้านเกิดของตัวเอง มากถึงประมาณ 122,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุด ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ซึ่งเศรษฐีเหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และอินเดีย
โดยจุดหมายปลายทางยอดฮิต ของเหล่าเศรษฐีจีน ก็คือ ประเทศออสเตรเลีย
ในขณะที่ เหล่าเศรษฐีอินเดีย ก็จะมีจุดหมายเป็นประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีโครงการ Golden Visa ซึ่งมุ่งเป้าไปที่ชาวอินเดียโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังมานี้ ประเทศเกาะเล็ก ๆ อย่าง “สิงคโปร์” ก็ได้โผล่ขึ้นมาร่วมวง ในการเป็นแม่เหล็กดึงดูดเศรษฐีเหล่านี้
จนทำให้ในปี 2023 สิงคโปร์ กลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐีย้ายเข้ามากที่สุด เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากออสเตรเลีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
แล้วสิงคโปร์มีดีอะไร จึงกลายเป็นอีกทางเลือกในการย้ายประเทศ ของทั้งเศรษฐีจีน และอินเดีย แบบนี้ ?
MONEY LAB จะพาไปดูรายละเอียดของเรื่องนี้กัน
สิ่งที่ทำให้สิงคโปร์มีความน่าสนใจ ในสายตาของเศรษฐีจากประเทศมหาอำนาจทั้ง 2 นี้ ก็มาจาก 3 สาเหตุหลัก ๆ
สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีเสถียรภาพสูง
ประเทศสิงคโปร์มีเสถียรภาพมาก เนื่องจากสิงคโปร์นั้น ถูกปกครองด้วยพรรคเดียว มาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศแล้ว ทำให้นโยบายต่าง ๆ ของรัฐ มีความแน่นอนสูง
ส่วนในเรื่องการต่างประเทศ สิงคโปร์ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศจีน สิงคโปร์จึงกลายเป็นแหล่งหลบภัย จากความขัดแย้งทางการค้า ระหว่างสหรัฐอเมริกา และจีน เป็นอย่างดี
ส่วนในด้านเศรษฐกิจนั้น สิงคโปร์ก็มีความแข็งแกร่งมาก จากตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำมาโดยตลอด แถมหนี้สินต่อ GDP ที่เห็นว่าสูงเกินกว่า 100% นั้น ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นสินทรัพย์ที่ธนาคารข้ามชาติ นำมาฝากไว้เท่านั้น
เพราะฉะนั้น การเข้ามาอาศัยอยู่ในสิงคโปร์ ก็ทำให้เหล่ามหาเศรษฐี ไม่ต้องลุ้นว่าจะมีเหตุการณ์ทางด้านเศรษฐกิจ หรือการเมืองใหญ่ ๆ ที่ส่งผลร้ายแรงต่อทรัพย์สินของพวกเขาหรือเปล่า
เข้าถึงบริการดูแลความมั่งคั่งระดับโลก
ด้วยความที่ สิงคโปร์ เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับโลก นั่นจึงทำให้ธนาคารต่าง ๆ ทั่วโลก พากันเข้ามาตั้งสาขาในสิงคโปร์จำนวนมาก
สิ่งนี้เองได้ส่งผลดีต่อเหล่าเศรษฐีที่ย้ายเข้ามาอยู่ ยังสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาสามารถเลือกสรรได้ตามชอบ ว่าจะให้ธนาคารแห่งใด เป็นผู้ดูแลความมั่งคั่ง ให้กับพวกเขา
หรือถ้าหากเป็นเหล่ามหาเศรษฐีที่มีเงินมาก และมีครอบครัวใหญ่ ก็มักจะนิยมตั้ง “Family Office” หรือบริษัทดูแลความมั่งคั่งของครอบครัว ในสิงคโปร์ ซึ่งก็มีผู้เชี่ยวชาญ มาดูแลทรัพย์สินของครอบครัวให้
เห็นได้จากรายงานของทาง KPMG ที่ได้ระบุว่า จำนวน Family Office ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์นั้น คิดเป็นถึง 59% ของ Family Office ทั้งหมดในเอเชียเลยทีเดียว
โดยตัวอย่างของเหล่ามหาเศรษฐี ที่มี Family Office ในสิงคโปร์ ก็ได้แก่ คุณ Liang Xinjun ผู้ก่อตั้งบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ของจีน อย่าง Fosun International และคุณ Mukesh Ambani คนที่รวยที่สุดในอินเดีย
ขอสัญชาติได้ด้วยการลงทุน
การให้สัญชาติ ด้วยวิธีการลงทุนนั้น เป็นสิ่งที่เราพบเห็นในหลาย ๆ ประเทศ แต่สิ่งที่ทำให้โครงการให้สัญชาติด้วยการลงทุน ของประเทศสิงคโปร์ เป็นที่น่าสนใจ
ก็เนื่องมาจาก สิงคโปร์นั้น เปิดทางเลือกให้กับเหล่าเศรษฐีย้ายเข้ามาอาศัยในสิงคโปร์ ผ่านการลงทุนได้มากถึง 3 ช่องทาง ได้แก่
ลงทุนตั้งกิจการ หรือซื้อกิจการในสิงคโปร์ เป็นมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 266 ล้านบาท) โดยพนักงานอย่างน้อยครึ่งหนึ่งต้องเป็นชาวสิงคโปร์
และ 10 ตำแหน่งต้องเป็นการจ้างงานใหม่ ถ้าเป็นการซื้อกิจการ และหลังจากนั้น 5 ปี ต้องมีการจ้างงานอย่างน้อย 30 ตำแหน่ง
ลงทุนเป็นจำนวน 25 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 666 ล้านบาท) ในกองทุนซึ่งลงทุนในบริษัทสิงคโปร์ ที่ได้รับการอนุมัติ จากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งสิงคโปร์ตั้ง Family Office เพื่อบริหารสินทรัพย์ มูลค่าตั้งแต่ 200 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 5,330 ล้านบาท) เป็นต้นไป โดยสินทรัพย์มูลค่า 50 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 1,333 ล้านบาท) ต้องลงทุนในสิงคโปร์ เป็นเวลา 5 ปี
และหลังจากครบ 5 ปีแล้ว ต้องจ้างพนักงานในการบริหาร Family Office เพิ่มเติมอย่างน้อย 5 คน โดย 3 คนในนั้น ต้องเป็นคนสิงคโปร์
ซึ่งการลงทุนเหล่านี้ จะทำให้เศรษฐีเหล่านั้น ได้รับสถานะผู้อยู่อาศัยถาวร (Permanent Residence) และหลังจากนั้น 2 ปี ก็จะสามารถขอสัญชาติได้
จากทั้งหมดนี้เอง ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ทำให้สิงคโปร์ กลายเป็นจุดหมาย ของเศรษฐีหลาย ๆ คน เพราะไม่เพียงแต่ได้รับคุณภาพชีวิตที่ดี ให้กับตัวเองและครอบครัวเท่านั้น
แต่ยังสามารถริเริ่มการทำธุรกิจที่นี่ ไปพร้อม ๆ กับการได้รับสัญชาติ อีกทั้งสินทรัพย์ต่าง ๆ ที่หาได้ ก็ยังได้รับการดูแลจากผู้ดูแลสินทรัพย์มืออาชีพ จากทั่วโลกอีกด้วย
อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสังเกตก็คือ เกือบทุกทางเลือก ในโครงการวีซ่าการลงทุน ของทางสิงคโปร์ มีการกำหนดให้ต้องจ้างงานชาวสิงคโปร์อยู่ด้วย
นั่นจึงทำให้ชาวสิงคโปร์ ได้รับประโยชน์ในระยะยาว จากแหล่งงานที่เศรษฐีเหล่านี้สร้างขึ้น และสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจของสิงคโปร์
ไม่ใช่การนำเงินก้อนมาทุ่มซื้อสัญชาติ หรือลงทุนเพียงครั้งเดียวแล้วจบ แล้วคนในประเทศ ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จากเศรษฐีเหล่านี้เลย..
Sponsored by JCB
สัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่ากับ บัตรเครดิต JCB
ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษดี ๆ เพลิดเพลินทั้ง กิน เที่ยว ช้อป ในไทยและต่างประเทศ
พร้อมกับการให้บริการสุดพิถีพิถันทุกรูปแบบ
Facebook : JCB Thailand
LINE : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)JCBThailand #JCBCard
JCBOwnHappinessOwnStory #อีกขั้นของความสุขในรูปแบบที่เป็นตัวคุณ
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.