สรุป หลักการลงทุน หุ้นวัฏจักร แบบ John Neff ตำนานนักลงทุน หุ้น P/E ต่ำ

สรุป หลักการลงทุน หุ้นวัฏจักร แบบ John Neff ตำนานนักลงทุน หุ้น P/E ต่ำ

18 ธ.ค. 2024
หากพูดถึงหลักการลงทุนของนักลงทุนระดับตำนาน หลายคนมักไม่สนใจหุ้นวัฏจักร เพราะการคาดการณ์ผลประกอบการทำได้ยาก
แต่คุณ John Neff ผู้จัดการกองทุน Vanguard Windsor Fund ผู้ล่วงลับ ในตอนที่เขาบริหารกองทุนอยู่ กลับมีหุ้นวัฏจักรมากถึง 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุน
โดยผลงานของเขาก็เรียกได้ว่าเข้าขั้นสุดยอด เพราะแนวทางการลงทุนนี้ทำให้เขาสามารถสร้างผลตอบแทน
เฉลี่ยได้สูงถึง 13.7% ต่อปี ตลอดระยะเวลา 31 ปี ซึ่งชนะผลตอบแทน S&P 500 ในช่วงเวลาเดียวกันประมาณ 3% 
แล้วคุณ John Neff มีหลักการในการเลือกลงทุน หุ้นวัฏจักรอย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ 
จุดเริ่มต้นความสนใจเรื่องการลงทุนของคุณ John Neff เกิดขึ้นในช่วงเรียนมหาวิทยาลัย จากการได้เรียนวิชาการเงินการลงทุนกับอาจารย์อย่าง ดร. Robbins ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของคุณ Benjamin Graham ตำนานนักลงทุนเน้นคุณค่า
ความหลงใหลในการลงทุนทำให้เขาตั้งใจเรียนจนได้รับรางวัลนักศึกษาดีเด่นในวิชาการเงิน
หลังเรียนจบ เขาเริ่มทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์
ในฝ่ายนักลงทุนสถาบัน ก่อนจะมาเป็นผู้จัดการกองทุน Windsor Fund ซึ่งในขณะนั้นกองทุนกำลังประสบปัญหา ผลการดำเนินงานตกต่ำ
ภายใต้การบริหารกองทุน Windsor Fund ของคุณ John Neff แนวทางการลงทุนของเขาก็คือ การลงทุนในหุ้น P/E ต่ำ ที่ตลาดมองข้าม 
โดย P/E หรือ Price to Earnings Ratio คือ อัตราส่วนที่ใช้วัดความถูกแพงของหุ้น โดยคำนวณจากราคาหุ้นหารด้วยกำไรต่อหุ้น 
อย่างไรก็ตาม คำว่าราคาถูกสำหรับคุณ John Neff ไม่ใช่เป็นเพียงแค่หุ้นที่มี P/E ต่ำ เท่านั้น 
แต่ต้องมี P/E ที่ต่ำ เมื่อเทียบกับผลตอบแทนรวมที่จะได้รับจากหุ้น โดยผลตอบแทนรวมที่จะได้รับจากหุ้นก็คือ อัตราการเติบโตของกำไร บวกด้วยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือก็คือ 
อัตราส่วนผลตอบแทนรวมต่อ P/E = (อัตราการเติบโตของกำไร + อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล) / P/E 
เช่น หุ้น A มี P/E 17 เท่า มีอัตราการเติบโตของกำไร 17% และอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 3%
ทำให้หุ้น A มีอัตราส่วนผลตอบแทนรวมต่อ P/E =
(17 + 3) / 17 = 1.18 เท่า   
โดยสำหรับเกณฑ์ของคุณ John Neff แล้ว หุ้นที่มีอัตราส่วนผลตอบแทนรวมต่อ P/E สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ประมาณ 2 เท่า จึงจะน่าสนใจ 
และหนึ่งในกลุ่มหุ้นที่เข้าเกณฑ์นี้ของคุณ John Neff จนเขาให้น้ำหนักการลงทุนมากเป็นพิเศษ ก็คือหุ้นวัฏจักร โดยมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุน
ลักษณะของหุ้นวัฏจักร เป็นหุ้นที่ผลประกอบการมีการขึ้นลงเป็นรอบ โดยเมื่ออุตสาหกรรมอยู่ในช่วงขาขึ้น กำไรจะเติบโตสูง แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงขาลง กำไรก็จะลดลงอย่างรุนแรง 
เช่น เหมืองแร่ สินค้าเกษตร สำรวจและขุดเจาะน้ำมัน ปูนซีเมนต์ เคมีภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มรถยนต์
ด้วยความผันผวนของกำไรที่มีความไม่แน่นอน เมื่อเข้าสู่ช่วงขาลง นักลงทุนมักจะเทขายหุ้นกลุ่มนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรง จนทำให้มี P/E ต่ำมาก นั่นเอง
โดยคุณ John Neff จะมีหลักในการเลือกลงทุนหุ้นวัฏจักร 
แบ่งออกเป็น 3 ข้อหลัก ๆ ดังนี้
1. การเลือกบริษัท
มองหาบริษัทที่มีตำแหน่งทางการตลาดที่ดี มีความเป็น ผู้นำในอุตสาหกรรม มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง มีหนี้สินอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และมีการจ่ายเงินปันผล
เพราะลักษณะเหล่านี้ จะช่วยให้บริษัทสามารถผ่านพ้นช่วงขาลงของวัฏจักรไปได้
2. จังหวะเข้าซื้อ 
ซื้อหุ้นในช่วงที่ P/E ยังต่ำ โดยทำการบ้านศึกษา
วงจรของแต่ละอุตสาหกรรมอย่างละเอียด พร้อมวิเคราะห์แนวโน้ม และศักยภาพจากอัตราการเติบโต ของกำไรปกติเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง 
และมักเข้าซื้อก่อนที่จะมีการคาดการณ์ว่าบริษัทจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้นประมาณ 6 ถึง 9 เดือน 
3. จังหวะขายหุ้น
เมื่อซื้อหุ้นวัฏจักร คุณ John Neff จะไม่รอให้กำไรถึงจุดสูงสุด แต่จะขาย เมื่อเห็นสัญญาณว่าธุรกิจใกล้ถึงจุดสูงสุดของรอบ 
หรือก็คือเมื่อ P/E เริ่มสูงผิดปกติ เพราะหากรอจนกำไรถึงจุดสูงสุด ราคาหุ้นมักจะเริ่มปรับตัวลงไปก่อนแล้ว
ลองมาดูตัวอย่างการลงทุนหุ้นวัฏจักรของคุณ John Neff เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น
- ลงทุนหุ้น Halliburton ในปี 1982 
เขาเลือกลงทุนในบริษัท Halliburton ผู้นำในธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน บริการขุดเจาะ ที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูง แถมมีฐานะการเงินดีกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น 
เพราะเชื่อว่าธุรกิจขุดเจาะน้ำมันในประเทศแม้จะเติบโตได้ช้าลง แต่ก็ยังเติบโตต่อเนื่อง และการที่ Halliburton จะขุดเจาะน้ำมันให้ลึกลงไปอีก ก็น่าจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีโอกาสเติบโตได้ 
โดยในตอนนั้นหุ้นของ Halliburton ซื้อขายกันที่ P/E 5 เท่า ซึ่งคุณ John Neff คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตของกำไรจะอยู่ที่ประมาณ 16% และมีอัตราเงินปันผลตอบแทน 5%
หรือถ้าคำนวณ อัตราส่วนผลตอบแทนรวมต่อ P/E ออกมา ก็จะได้ประมาณ 4 เท่า ซึ่งสูงมากพอที่จะเข้าเกณฑ์ของคุณ John Neff
ซึ่งเมื่อตอนที่เขาขายทำกำไร ในกลางปี 1983 เมื่อตลาดเริ่มมองเห็นศักยภาพของบริษัท ก็ทำให้ได้ผลตอบแทนจำนวนมาก
- ลงทุนหุ้น Ford Motor ในปี 1984 
เขาเลือกลงทุนในช่วงที่อุตสาหกรรมรถยนต์ซบเซา นักลงทุนกังวลกับอนาคตของอุตสาหกรรม ทำให้ตอนนั้นหุ้นของบริษัท Ford ตกต่ำจนลงไปซื้อขายกันที่ P/E 2.5 เท่า 
ถึงอย่างนั้น Ford ในตอนนั้นยังมีความแข็งแกร่ง ด้วยการครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศถึง 40% มีคุณภาพสินค้าที่ดี และมีรถยนต์รุ่นใหม่ที่ได้รับความนิยม 
ผลลัพธ์จากการลงทุนครั้งนั้น คือ
ในปี 1985 ราคาหุ้น Ford เพิ่มขึ้นถึง 85% ในขณะที่หุ้นรถยนต์อื่นเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเพียง 33%
อ่านถึงตรงนี้ก็จะเห็นว่า หลักการลงทุนหุ้นวัฏจักรของคุณ John Neff อาจดูเรียบง่าย นั่นคือซื้อเมื่อราคาตกต่ำเกินไปในช่วงขาลง และขายเมื่อวัฏจักรฟื้นตัว
แต่ในความเรียบง่ายนั้นคือ ความลึกซึ้งที่ต้องอาศัย การทำการบ้านอย่างหนัก เข้าใจธุรกิจอย่างถ่องแท้ และมีวินัยในจังหวะซื้อขาย รวมถึงอดทนถือหุ้นให้ได้ จนกว่าตลาดจะเริ่มเห็นศักยภาพของบริษัท
จะเห็นได้ว่าหุ้นวัฏจักรอาจดูน่ากลัวในสายตาของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่ในความผันผวนก็มีโอกาสซ่อนอยู่ 
หากเรายึดมั่นในหลักการที่ถูกต้อง กล้าที่จะซื้อในช่วงที่คนอื่นกลัว และมีวินัยพอที่จะขายในช่วงที่คนอื่นกำลังโลภ 
ความสำเร็จก็อาจเป็นของเรา เช่นเดียวกับที่คุณ John Neff นักลงทุนและตำนานผู้จัดการกองทุนแห่ง Vanguard Windsor Fund ได้พิสูจน์มาแล้ว
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#JohnNeff
Reference
- หนังสือ John Neff on Investing : ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์ (2018) โดย John Neff
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.