
เรียนรู้ 7 เทคนิคจับโกงบริษัท แบบ Hindenburg Research บริษัทจอมแฉ ที่สั่นสะเทือนวงการตลาดหุ้น
6 ก.พ. 2025
ถ้าใครติดตามข่าวหุ้นต่างประเทศอยู่บ่อย ๆ น่าจะเคยได้ยินชื่อของบริษัท Hindenburg Research บริษัทจอมแฉ ที่ออกมาเปิดโปงบริษัทที่ตกแต่งตัวเลขทางบัญชีอยู่เป็นประจำ
ตัวอย่างบริษัทดัง ๆ ที่โดนแฉ ก็อย่างเช่น
- Adani Group เครือบริษัทยักษ์ใหญ่ของอินเดีย ของคุณ Gautam Adani อดีตมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก
ที่ใช้คำว่าอดีต ก็เพราะว่าหลังจากที่ Hindenburg Research ออกมาแฉพฤติกรรมฉ้อฉลของเครือ Adani ราคาหุ้นของบริษัทในกลุ่ม Adani ต่างก็ร่วงลงมาอย่างหนัก
จนคุณ Gautam Adani มีมูลค่าทรัพย์สินลดลง และหลุดอันดับมหาเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก ในที่สุด
- Block, Inc. บริษัทผู้ให้บริการช่องทางชำระเงิน ของคุณ Jack Dorsey อดีต CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Twitter
- SMCI บริษัทประกอบตู้เซิร์ฟเวอร์ ที่เคยเป็นหุ้นขวัญใจของนักลงทุนหลายคน
จากการเก็บรวบรวมข้อมูลของ Bloomberg พบว่าในวันแรกหลังจาก Hindenburg Research ออกมาเปิดโปงการทุจริต ราคาหุ้นของบริษัทที่โดนแฉ จะปรับตัวลดลงทันที 15% โดยเฉลี่ย
รวมถึงมีการตั้งข้อหากับผู้บริหารที่กระทำความผิดไปมากกว่า 100 คน จากผลงานของ Hindenburg Research
แล้วเราจะแกะรอยวิธีคิดที่ Hindenburg Research ใช้ตรวจจับทุจริตของบริษัทต่าง ๆ เพื่อให้เราหลีกเลี่ยงบริษัทขี้โกงได้อย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
เรามารู้จักโมเดลธุรกิจของบริษัทนี้อย่างคร่าว ๆ กันก่อน
Hindenburg Research ถูกก่อตั้งโดยคุณ Nate Anderson ในปี 2017
วิธีการทำกำไรของบริษัทนี้คือ การมองหาบริษัทที่มีพฤติกรรมการฉ้อโกง แต่นักลงทุนทั่วไปยังไม่รู้ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งบัญชี หรือการปั่นราคาหุ้น
จากนั้นบริษัทก็จะทำการขายชอร์ตหุ้นบริษัทเป้าหมาย พร้อมกับออกบทวิเคราะห์ เผยแพร่ให้นักลงทุนทั่วไปรับรู้ถึงกลโกงของบริษัท
ซึ่งจากการอ่านบทวิเคราะห์ของ Hindenburg Research เราก็สามารถสรุปเทคนิคจับโกงบริษัท ออกมาเป็นข้อ ๆ ได้ดังนี้
1. สืบจากคนใน
หาข้อมูลจากการลงไปสัมภาษณ์คนที่เกี่ยวข้อง เช่น พนักงานเก่า พนักงานปัจจุบัน ซัปพลายเออร์ และลูกค้า รวมถึงการลงพื้นที่สำรวจธุรกิจจริง ๆ
เทคนิคนี้ เป็นสิ่งที่ Hindenburg Research ชอบทำ เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกในธุรกิจ และอุตสาหกรรมที่บริษัทเป้าหมายทำธุรกิจอยู่มาก ๆ เนื่องจากคนที่รู้เรื่องธุรกิจดีที่สุด คือคนที่อยู่ในวงการนั้น ๆ
โดย Hindenburg Research มักจะค้นหารายชื่อทั้งพนักงานเก่า และพนักงานปัจจุบันบนแพลตฟอร์ม LinkedIn จากนั้นก็จะติดต่อไปขอสัมภาษณ์ เพื่อขอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับบริษัท
ส่วนความคิดเห็น และความพึงพอใจของลูกค้า ก็สามารถดูได้จากการรีวิวสินค้าบนเว็บไซต์ต่าง ๆ
ส่วนการลงพื้นที่สำรวจความนิยมของร้านค้า ก็เป็นสิ่งที่ควรทำเช่นกัน เพราะหากบริษัทมียอดขายเติบโต สวนทางกับหน้าร้านที่เงียบเหงา ก็เป็นสัญญาณที่เราต้องระวังเช่นกัน
2. ดูการซื้อขายหุ้นของผู้บริหาร
ผู้บริหารที่มีส่วนรู้เห็นกับการฉ้อโกง มักจะมีการทยอยขายหุ้นออกมา ในวันที่ทุกอย่างดูสดใส เช่น บริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะเติบโต หรือมีการออกข่าวว่าบริษัทกำลังจับมือกับพาร์ตเนอร์รายใหญ่
นอกจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้นของเจ้าของแล้ว การจำนำหุ้น ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ผู้บริหารชอบใช้เป็นช่องทางในการดึงเงินออกมา โดยที่ไม่จำเป็นต้องขายหุ้น
ซึ่งสำหรับหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนสามารถดูข้อมูลการจำนำหุ้นของผู้บริหารได้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินของบริษัท
ส่วนกรณีของหุ้นไทยนั้น แม้ในตอนนี้จะไม่สามารถดูชื่อคนที่เอาหุ้นไปจำนำได้ แต่ถ้าเป็นหุ้นที่มีสัดส่วนในการนำไปใช้ค้ำประกันเพื่อซื้อขายด้วยมาร์จินสูง นักลงทุนก็ควรต้องระวัง
โดยนักลงทุนสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในส่วนของ “สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิน” ซึ่งจะมีการอัปเดตข้อมูลให้ทุกเดือน
3. ย้อนรอยประวัติการฉ้อโกง
เพราะบริษัทส่วนใหญ่ที่ถูก Hindenburg Research ออกมาแฉ มักจะมีพฤติกรรมการฉ้อโกงมาก่อน
อย่างเช่น ในกรณีของบริษัท SMCI ก็เคยมีประวัติการตกแต่งตัวเลขทางบัญชีมาก่อน แล้วทาง ก.ล.ต. สหรัฐฯ จับได้ ทางบริษัทจึงปลดผู้บริหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องออกไป
จากนั้นไม่นานก็มีการว่าจ้างผู้บริหารเหล่านั้น กลับเข้าไปทำงานในบริษัทในเครือ หรือทำในตำแหน่งที่ต่างออกไป
4. สังเกตการเปลี่ยนแปลงวิธีรายงาน
หากมีการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขวิธีการรายงานตัวเลขทางการเงิน เช่น เปลี่ยนวิธีรับรู้รายได้ใหม่อยู่บ่อย ๆ หรือเริ่มมีการปกปิดข้อมูลบางอย่าง ที่เคยเปิดเผยมาตลอด แบบนี้ก็อาจเป็นสัญญาณว่าธุรกิจกำลังมีปัญหา
เพราะตามหลักการทางบัญชีแล้ว จะต้องไม่เปลี่ยนวิธีการรายงานตัวเลขทางการเงินไปมาอยู่บ่อยครั้ง เพื่อให้ทั้งผู้บริหารและนักลงทุน สามารถเทียบเคียงข้อมูลระหว่างปีได้โดยง่าย
เพราะฉะนั้นถ้าหากวิธีการรายงานตัวเลขทางการเงิน ถูกเปลี่ยนบ่อยเกินไปหรือไม่สมเหตุสมผล ก็มีโอกาสสูงที่ทางบริษัทกำลังหาทางทำตัวเลขทางการเงิน ให้ดูดีในสายตานักลงทุน
5. ส่องธุรกรรมระหว่างพวกพ้อง
บริษัทที่ฉ้อโกง มักจะมีการทำรายการระหว่างกันกับบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน (Related-Party) เพื่อให้ตัวเลขในงบการเงินดูดี
โดยปกติแล้ว บริษัทจะมีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรม หรือรายได้ที่มาจากบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน
แต่บริษัทที่ฉ้อโกง มักจะมีเจตนาหลีกเลี่ยงการรายงานรายการระหว่างกันให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ทำให้บางครั้งนักลงทุนอาจจะสังเกตความผิดปกตินี้ได้ยาก
โดยบริษัทที่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน มักจะเป็นบริษัทที่ไม่ได้มีการถือหุ้นกัน แต่ผู้ก่อตั้งบริษัทมีความสัมพันธ์กับผู้บริหารของบริษัท ทำให้ยากต่อการตรวจสอบ
ซึ่งบริษัทมักจะบันทึกรายได้จากบริษัทที่มีความเกี่ยวข้องกันเป็น “รายได้อื่น ๆ” ดังนั้นหากรายได้ส่วนนี้มีสัดส่วนที่สูงเกินไป และไม่สามารถอธิบายที่มาที่ไปได้ ก็ควรต้องระวังไว้
6. ผู้บริหารลาออกบอกสัญญาณร้าย
การมีผู้บริหารระดับสูงลาออกติด ๆ กันหลายคน อาจเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังมีปัญหาอะไรบางอย่าง
โดยเฉพาะ C-Level อย่างเช่น CEO หรือ CFO เพราะผู้บริหารระดับสูงเหล่านี้ จะเห็นข้อมูลหลายอย่างของบริษัท ที่นักลงทุนอย่างเรา ๆ ไม่สามารถรับรู้ได้
ทำให้การลาออกของผู้บริหารระดับสูงจำนวนมากแบบนี้ ถือเป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ว่าบริษัทกำลังมีปัญหาอะไรอยู่
7. ผู้ตรวจสอบบัญชีไม่มีความน่าเชื่อถือ
หากบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น ที่มีบริษัทในเครือหลายร้อยบริษัท แต่กลับใช้บริษัทตรวจสอบบัญชีเล็ก ๆ ที่มีพนักงานไม่กี่คน
แบบนี้ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงความผิดปกติ เพราะบริษัทขนาดใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้น มักจะใช้บริการผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีชื่อเสียง หรือที่เรียกกันว่า “Big 4” ได้แก่ บริษัท EY, Deloitte, PwC และ KPMG
เพราะบริษัทเหล่านี้มีประวัติความเป็นมาในการทำธุรกิจตรวจสอบบัญชี มาอย่างยาวนาน และมีความน่าเชื่อถือมากกว่าบริษัทเล็ก ๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ พวกเราก็น่าจะรู้แล้วว่า เราจะหลีกเลี่ยงบริษัทที่มีแนวโน้มจะตกแต่งตัวเลขในงบการเงินมาตบตานักลงทุนได้อย่างไร
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา คุณ Nate Anderson ผู้ก่อตั้ง Hindenburg Research ประกาศปิดบริษัทลงแล้ว ด้วยเหตุผลส่วนตัว
แม้ Hindenburg Research จะดำเนินธุรกิจแฉกลโกงในตลาดหุ้นมาได้แค่เพียง 7 ปี แต่บริษัทแห่งนี้ก็กลายมาเป็นอีกหนึ่งตำนานในแวดวงการเงิน การลงทุนไปเรียบร้อยแล้ว..
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#Hindenburg
References