สรุปธุรกิจ Ferrari ทำอย่างไร ถึงขายรถแค่ปีละ 10,000 กว่าคัน แต่ทำกำไร 46,000 ล้านบาท
25 ต.ค. 2024
ถ้าเราเป็นธุรกิจที่สินค้าของเรา มีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก เราก็คงจะหาทางผลิตสินค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทั่วทุกมุมโลก
แต่รู้หรือไม่ว่า Ferrari ผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชื่อดังจากอิตาลี ที่หลายคนอยากจะครอบครองสักครั้ง ในปี 2023 ที่ผ่านมากลับส่งมอบรถยนต์ ให้กับลูกค้าทั่วโลกแค่ 13,663 คันเท่านั้น
ซึ่งเมื่อเทียบกับจำนวนรถที่ค่ายรถยนต์อื่น ๆ เช่น Tesla, Toyota และ Volkswagen ส่งมอบให้กับลูกค้าในหลัก 1,000,000 คันขึ้นไป ก็ถือว่าเป็นจำนวนที่น้อยนิด
แต่ทว่ากำไรที่ Ferrari ทำได้นั้น กลับมากถึง 46,126 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดยก่อนที่เราจะมีรถยนต์ Ferrari เป็นของตัวเองในอนาคต เราก็สามารถร่วมเป็นเจ้าของบริษัท Ferrari ได้เลยตั้งแต่วันนี้ ด้วยการซื้อหุ้นผ่าน DR ที่ชื่อว่า FERRARI80 ในตลาดหุ้นไทย
แล้ว Ferrari มีกลยุทธ์อะไร ถึงขายรถน้อย แต่ทำกำไรได้มากแบบนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ก่อนจะเป็นบริษัทผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ระดับโลกแบบนี้ Ferrari เป็นทีมรถแข่ง Scuderia Ferrari ภายใต้บริษัท Alfa Romeo ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1929 ซึ่งก่อตั้งโดยคุณ Enzo Ferrari
จนกระทั่งอีก 10 ปีต่อมา คุณ Enzo ที่ไม่ลงรอยกับผู้บริหารของ Alfa Romeo ก็ได้แยกออกมาตั้งบริษัทของตัวเอง
Ferrari ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่โรงงานเสียหายจากการโดนทิ้งระเบิด รวมถึงโดนยักษ์ใหญ่อย่างบริษัท Fiat เข้าซื้อกิจการ
ก่อนจะทำการ Spin-Off หรือแยกตัวออกมาจากบริษัท Fiat และเข้าตลาดหุ้นในปี 2015
โดยในระหว่างนั้นรถแข่ง Formula 1 ของทีม Ferrari นั้น ก็เดินหน้าคว้าความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และสร้างชื่อเสียงให้ Ferrari โด่งดังไปทั่วโลก
พร้อมกลายเป็นยอดทีมรถแข่งที่ได้แชมป์ Constructor Championship มากที่สุดถึง 16 สมัย รวมถึงชนะการแข่งขัน Grand Prix ไปกว่า 245 ครั้ง
นอกจากนี้ เทคโนโลยีซึ่งเป็นผลพลอยได้ จากการพัฒนาเครื่องยนต์รถ Formula 1 ก็ได้ทำให้เครื่องยนต์และตัวรถสปอร์ต ซึ่งเอาไว้ขายให้กับเหล่าเศรษฐีต่าง ๆ ได้รับการพัฒนาไปด้วย
สิ่งนี้ทำให้ Ferrari ได้เปรียบคู่แข่ง ด้วยการสร้างปราการทางธุรกิจ หรือ Economic Moat ในส่วนของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน
โดยสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนของ Ferrari ไม่ได้มีเพียงแค่โลโกม้าผยอง สัญลักษณ์ของความเป็นผู้ชนะ ที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องรู้จัก แต่ยังรวมไปถึงเทคโนโลยีเครื่องยนต์ต่าง ๆ ที่พัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็น ปราการทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Ferrari ก็คือ อัตรากำไรจากการดำเนินงาน ที่สูงที่สุดในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังต่าง ๆ
ถ้าหากเราลองไปดู อัตรากำไรจากการดำเนินงานของผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดัง ในปี 2023 ที่ผ่านมา ก็จะพบว่า
- Ferrari อัตรากำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 26.8%
- Porsche อัตรากำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 18.2%
- Mercedes-Benz อัตรากำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 13.1%
- Tesla อัตรากำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 10.5%
- Toyota อัตรากำไรจากการดำเนินงาน อยู่ที่ 9.9%
และเมื่อเราไปดูสัดส่วนรายได้ของ Ferrari ในปี 2023
- รถยนต์และอะไหล่รถ 85.7%
- รายได้จากสปอนเซอร์และการขายสินค้าต่าง ๆ 9.6%
- เครื่องยนต์ 2.1%
- อื่น ๆ 2.6%
จะเห็นได้ว่า แบรนด์ที่แข็งแกร่งของ Ferrari นอกจากจะทำให้ได้เปรียบคู่แข่ง และมีอำนาจในการขึ้นราคา เพื่อรักษาอัตรากำไรของตัวเองแล้ว
ยังสามารถนำไปต่อยอด เพื่อสร้างช่องทางหารายได้อื่น นอกเหนือจากการขายรถยนต์อีกด้วย
เช่น ขยายธุรกิจไปยังการทำแบรนด์หรู ด้วยการนำโลโกม้าผยองของ Ferrari ไปใส่ในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า, เสื้อผ้า, รองเท้า และน้ำหอม เป็นต้น
สรุปแล้ว การที่ Ferrari สร้างแบรนด์ตัวเองให้แข็งแกร่ง รวมถึงการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ก็สามารถสร้างปราการทางธุรกิจอันแข็งแกร่ง ที่คู่แข่งยากที่จะแข่งขันด้วยได้ และทำให้รถยนต์แต่ละคันที่ Ferrari ขายได้ มีกำไรที่ดีกว่าผู้ผลิตรถยนต์เจ้าอื่น ๆ
แถมยังสามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท รวมถึงขยายไปสู่ธุรกิจอื่น ๆ ได้อีกด้วย
จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่ Ferrari จะกลายเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ที่ “ทำน้อย แต่ได้มาก” แบบนี้นั่นเอง..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#DR
#Ferrari
References
-แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี 2023 ของ Ferrari N.V.