สรุปธุรกิจ FPT บริษัทเวียดนาม มูลค่า 300,000 ล้านบาท ที่เขียนซอฟต์แวร์ ให้บริษัทระดับโลกใช้
13 ธ.ค. 2024
นักวิทยาศาสตร์ในหลายประเทศอาจสร้างวัคซีน หรือสิ่งประดิษฐ์ เพื่อมุ่งหวังพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์
แต่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ 13 คนของเวียดนาม กลับสร้างบริษัทมูลค่า 300,000 ล้านบาทขึ้นมา เพื่อมุ่งหวังพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยี..
และบริษัทแห่งนั้นก็คือ FPT ที่ตอนนี้กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของตลาดหุ้นเวียดนาม
เรื่องนี้อาจจะดูขัดกับภาพจำของใครหลายคน ที่มองว่าตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นตลาดหุ้นประเทศกำลังพัฒนา แต่กลับกลายเป็นว่าบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นเป็นอันดับ 3 คือบริษัทซอฟต์แวร์
ที่น่าสนใจก็คือ FPT ไม่ได้มีรายได้แค่ในเวียดนามเท่านั้น เพราะรายได้เกือบครึ่งของบริษัทมาจากต่างประเทศ
และถ้าเราอยากลงทุนในหุ้น FPT ซึ่งเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีฐานลูกค้าอยู่ทั่วโลก ก็สามารถลงทุนผ่าน DR ในตลาดหุ้นไทยที่ชื่อว่า FPTVN19 ได้เลย
แล้วบริษัทเวียดนามอย่าง FPT ใช้กลยุทธ์อะไรถึงสามารถเติบโตไปทั่วโลกได้แบบนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุนให้เข้าใจง่าย ๆ
FPT ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 1988 โดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ 13 คน ที่มีความตั้งใจจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยเทคโนโลยี
ธุรกิจแรกของ FPT คือการรับจ้างออกแบบซอฟต์แวร์การจองตั๋วเครื่องบินให้กับสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์
ต่อมาในปี 1997 FPT ก็กลายมาเป็นผู้เล่นรายสำคัญในการวางโครงสร้างพื้นฐานของระบบอินเทอร์เน็ตในเวียดนาม
พร้อมกับได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลให้เป็นผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเวียดนามอีกด้วย
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ FPT ก็มาถึงอีกครั้งในปี 2001 เพราะเป็นครั้งแรกที่ FPT ได้รับการว่าจ้างให้เขียนซอฟต์แวร์ให้กับบริษัทระดับโลกอย่าง IBM
หลังจากนั้นไม่นานบริษัทก็มีพาร์ตเนอร์เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ทั้ง Microsoft และ Amazon
FPT เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อย ๆ จนถึงขั้นได้รับความไว้วางใจจาก Airbus บริษัทผลิตเครื่องบินยักษ์ใหญ่ของโลก ให้ช่วยเขียนซอฟต์แวร์เกี่ยวกับระบบการบินเลยทีเดียว
แต่หนึ่งในนวัตกรรมของ FPT ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ โปรแกรมแช็ตบอตอัจฉริยะ อย่าง akaBot ซึ่งมีความแม่นยำในการโต้ตอบกับลูกค้าเกือบ 100%
ทำให้แม้แต่ธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของไทยอย่างเซ็นทรัล ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าองค์กรที่ใช้ akaBot ของ FPT
โดยหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ FPT มีฐานลูกค้าจากต่างประเทศ นอกจากเรื่องนวัตกรรมที่โดดเด่นแล้ว
ค่าแรงของวิศวกรซอฟต์แวร์ของเวียดนามที่ยังต่ำ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ก็มีผลทำให้บริษัทต่างชาติที่อยากประหยัดต้นทุน หันมาเป็นลูกค้าของ FPT
เราลองมาดูเงินเดือนเฉลี่ยของวิศวกรซอฟต์แวร์ของเวียดนาม เทียบกับประเทศอื่น ๆ กัน
- จีน 160,000 บาทต่อเดือน
- สิงคโปร์ 155,000 บาทต่อเดือน
- ญี่ปุ่น 146,000 บาทต่อเดือน
- เวียดนาม 48,000 บาทต่อเดือน
- อินเดีย 31,000 บาทต่อเดือน
จะเห็นได้ว่าเวียดนามอยู่ในกลุ่มประเทศที่ยังมีค่าจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ที่ยังต่ำอยู่ เช่นเดียวกับอินเดีย ที่มีบริษัทคู่แข่งของ FPT อย่าง Infosys
ด้วยนวัตกรรมที่โดดเด่น และการมีฐานลูกค้าองค์กรระดับโลกอยู่ในมือมากมาย เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอให้ FPT กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ระดับโลกแล้ว
แต่ความเป็นจริงกลับไม่ได้ง่ายเช่นนั้น เพราะข้อจำกัดของธุรกิจรับจ้างเขียนซอฟต์แวร์อย่าง FPT ที่ขยายงานไปทั่วโลก คือ ข้อจำกัดด้านทรัพยากรบุคคล
ด้วยเหตุนี้ FPT จึงตัดสินใจก่อตั้ง FPT University ในปี 2006 เพื่อป้อนบุคลากรในสายงานไอทีให้กับบริษัท และเป็นธุรกิจการศึกษาของ FPT ไปในตัวด้วย
และในปีเดียวกันนั้นเอง FPT ก็ตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น เพื่อระดมทุน นำเงินมาขยายธุรกิจ
พอเข้าตลาดหุ้นแล้ว ปรากฏว่านักลงทุนสถาบันจากต่างชาติต่างสนใจเข้ามาลงทุนใน FPT อย่างล้นหลาม
ทำให้ในปัจจุบัน FPT มีนักลงทุนต่างชาติถือครองหุ้นในสัดส่วนมากถึง 48%
แสดงถึงความเชื่อมั่นที่นักลงทุนสถาบันจากต่างชาติมีต่อบริษัท FPT
ปัจจุบัน FPT ประกอบไปด้วย 3 ธุรกิจหลัก คือ
1. ธุรกิจเทคโนโลยี บริษัทที่สำคัญของธุรกิจนี้ ก็อย่างเช่น
- FPT Software บริษัทรับจ้างเขียนซอฟต์แวร์
- FPT Smart Cloud บริษัทให้บริการ Cloud และ AI
2. ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัทที่สำคัญของธุรกิจนี้ คือ
- FPT Telecom ผู้ให้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ และสัญญาณโทรทัศน์ รวมถึงเป็นเจ้าของศูนย์ข้อมูลอีกหลายแห่งในเวียดนาม
3. ธุรกิจการศึกษา บริษัทที่สำคัญของธุรกิจนี้ คือ
- FPT Education เจ้าของมหาวิทยาลัย FPT University
นอกจากนี้แล้ว FPT ยังมีการก่อตั้งบริษัทใหม่ ที่บริษัทวาดฝันไว้ว่าจะกลายเป็นธุรกิจที่สร้างการเติบโตครั้งใหม่ให้กับบริษัท เช่น..
- FPT Automotive ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ บริษัทนี้จะเน้นออกแบบซอฟต์แวร์ที่ใช้ในรถยนต์
- FPT Semiconductor บริษัทด้านการออกแบบชิป รับจ้างประกอบ รวมถึงทดสอบคุณภาพชิป
แต่ถึง FPT จะสร้างบริษัทใหม่ขึ้นมาหลายแห่ง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าธุรกิจเดิมหยุดโตแล้ว เราลองมาดูผลประกอบการในช่วง 3 ปีย้อนหลังกัน
- ปี 2021
รายได้ 47,543 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,782 ล้านบาท
รายได้ 47,543 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,782 ล้านบาท
- ปี 2022
รายได้ 58,680 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,080 ล้านบาท
รายได้ 58,680 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7,080 ล้านบาท
- ปี 2023
รายได้ 70,158 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,620 ล้านบาท
รายได้ 70,158 ล้านบาท กำไรสุทธิ 8,620 ล้านบาท
แถมโครงสร้างรายได้ปี 2023 ก็มีความน่าสนใจ เพราะรายได้เกือบครึ่งหนึ่งมาจากนอกเวียดนาม
53.5% มาจากเวียดนาม
16.8% มาจากญี่ปุ่น
14.0% มาจากสหรัฐฯ
10.8% มาจากยุโรป
และที่เหลือ 4.9% มาจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ส่วนหนึ่งที่ FPT มีรายได้จากต่างประเทศมากขนาดนี้ นอกจากการเติบโตด้วยการมีลูกค้าต่างประเทศเข้ามาจ้าง FPT เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
FPT ยังมีการเติบโตด้วยการซื้อกิจการ หรือเข้าไปลงทุนในบริษัทต่างประเทศด้วย โดยตัวอย่างดีลการลงทุนที่น่าสนใจก็เช่น
- การเข้าซื้อบริษัท Cardinal Peak บริษัทออกแบบซอฟต์แวร์ และให้คำปรึกษาทางวิศวกรรมในสหรัฐฯ
- การลงทุนใน LTS, Inc. บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีของญี่ปุ่น
- การลงทุนใน LandingAI บริษัทที่ก่อตั้งโดย Andrew Ng ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี AI บริษัทแห่งนี้พัฒนาเทคโนโลยีประมวลผลการมองเห็นภาพของคอมพิวเตอร์
จากทั้งหมดนี้เอง เราก็สามารถสรุปสั้น ๆ ได้อีกครั้งว่า FPT สามารถสร้างการเติบโตออกไปทั่วโลกได้ด้วยสูตรสำเร็จดังนี้..
1. สร้างพาร์ตเนอร์กับบริษัทระดับโลก ผ่านการสร้างผลงานที่มีคุณภาพ จนได้รับความไว้วางใจ
2. มีค่าแรงที่ต่ำเมื่อเทียบกับในอีกหลายประเทศ ที่มีคุณภาพแรงงานใกล้เคียงกัน
3. มีธุรกิจการศึกษาเป็นของตัวเอง เพื่อป้อนบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าบริษัท เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
4. เข้าซื้อกิจการในต่างประเทศ ทำให้ประหยัดเวลาในการเริ่มตั้งธุรกิจจาก 0 และเพิ่มฐานลูกค้าในมืออย่างรวดเร็ว
จากความฝันของกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ทั้ง 13 คนของเวียดนาม ที่อยากพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยี
สู่ความจริงที่วันนี้ FPT กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่มีมูลค่า 300,000 ล้านบาทแล้ว
หลายคนอาจมองว่าความฝัน เป็นสิ่งที่ไม่มีมูลค่า แต่เรื่องราวของ FPT กำลังบอกเราว่า ความฝันเมื่อรวมกับการลงมือทำแล้ว มันอาจสร้างมูลค่าได้มหาศาลแบบที่เราเองก็คาดไม่ถึงเลย..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#DR
#DRวันละตัว
References