สรุปธุรกิจ Vinamilk หุ้นนม ใหญ่สุดในเวียดนาม ที่มีเครือ ThaiBev เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2
10 ต.ค. 2024
คำว่า “Cash Cow” เป็นคำศัพท์ในแวดวงการลงทุน หมายถึงบริษัทที่สามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างมั่นคง และมีส่วนแบ่งการตลาดสูง
ดูเหมือนว่านิยามข้างต้น จะเป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบของบริษัท Vietnam Dairy Products Joint Stock Company หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Vinamilk ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์นมที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม
เพราะบริษัทแห่งนี้สามารถสร้างกระแสเงินสดได้เป็นจำนวนมาก และจ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 5% ต่อปี
จน Vinamilk ได้ไปสะดุดตากลุ่ม ThaiBev กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ของไทย ให้เข้ามาถือหุ้นบริษัทแห่งนี้ ผ่านบริษัทในเครืออย่าง F&N ในสัดส่วน 20%
พร้อมกับกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 ของบริษัท รองจากรัฐบาลเวียดนาม ที่ถือหุ้น Vinamilk ผ่านกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ด้วยสัดส่วน 36% เท่านั้น
ที่น่าสนใจก็คือ วันนี้เป็นวันแรกที่ DR ของหุ้น Vinamilk จะเข้าเทรดในตลาดหุ้นไทย ในชื่อ “VNM19”
แล้ว Vinamilk มีดีอะไร ถึงทำให้ ThaiBev เข้ามาลงทุนในบริษัทนี้ จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 แบบนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
หลังจากสงครามเวียดนามที่ยืดเยื้อมา 20 กว่าปี จบลงในปี 2518 และรวมประเทศเวียดนามทั้งเหนือและใต้เข้าด้วยกัน
แต่จุดจบของสิ่งหนึ่ง ก็มักจะเป็นจุดเริ่มต้นของอีกสิ่งหนึ่งเสมอ เพราะบริษัท Vinamilk ก็เกิดขึ้นมา ในอีก 1 ปีถัดมา แต่ตอนนั้นยังชื่อว่า Southern Coffee-Dairy Company
ด้วยการที่รัฐบาลเวียดนาม ได้ควบรวมโรงงานผลิตนมของต่างชาติที่ตั้งอยู่ในบริเวณเมืองโฮจิมินห์ซิตี จำนวน 3 แห่ง คือ โรงงานของ Foremost, Cosuvina และ Nestlé เข้ามาไว้ภายใต้การดูแลของรัฐบาลเอง
เมื่อรวมโรงงานทั้ง 3 แห่งเข้าด้วยกันแล้ว ก็ทำให้ Vinamilk กลายมาเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในตลาดเครื่องดื่มนมของเวียดนามทันที
ปัจจุบัน Vinamilk ครองส่วนแบ่งตลาดผลิตภัณฑ์นมมากถึง 40% ในเวียดนาม ถือว่าเป็นบริษัทที่ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1
แต่จุดแข็งที่ทำให้ Vinamilk กลายเป็นผู้ชนะที่หาคู่แข่งมาโค่นได้ยาก คือการที่ Vinamilk ทำธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำ ยันปลายน้ำ ตั้งแต่ฟาร์มโคนม ไปจนถึงร้านค้าปลีกของตัวเอง
เท่านั้นยังไม่พอ เพราะยังมีการทำสัญญากับฟาร์มโคนมของผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มอีก ทำให้รวมกันแล้ว Vinamilk มีโคนมที่อยู่ภายใต้การบริหารจัดการมากถึง 140,000 ตัวเลยทีเดียว
พอเป็นแบบนี้ Vinamilk เลยกลายเป็นผู้ควบคุมแหล่งวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตนมรายใหญ่ในเวียดนาม
นอกจากนี้แล้ว Vinamilk ยังมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง ทั้งร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ร้านค้าปลีกแบบโมเดิร์นเทรด ร้านอาหาร และโรงแรม
ทำให้สินค้าของ Vinamilk เข้าถึงผู้บริโภคชาวเวียดนามได้เป็นจำนวนมาก เห็นได้จากสัดส่วนรายได้ในปี 2566 ที่รายได้จากในประเทศเวียดนามเอง สูงถึง 84%
แต่ถึงแม้ว่าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะน้อย แต่ Vinamilk ก็ยังคิดการใหญ่ ออกไปเติบโตในตลาดต่างประเทศอีกด้วย
ทั้งจากการส่งออก และการเป็นเจ้าของโรงงานในต่างประเทศ ทำให้ปัจจุบัน Vinamilk ส่งออกนมไปแล้วมากถึง 60 ประเทศทั่วโลก
กลยุทธ์ของ Vinamilk ที่ใช้ในการบุกตลาดต่างประเทศ นอกเหนือจากการส่งออก ก็ยังมีตั้งแต่การเข้าซื้อแบรนด์ท้องถิ่น การร่วมลงทุนกับแบรนด์อื่น หรือสร้างแบรนด์ใหม่ไปเลย เช่น
- Driftwood ในสหรัฐอเมริกา เป็นการซื้อแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว
- Angkor Milk ในกัมพูชา เป็นการลงทุนสร้างแบรนด์ใหม่เองของ Vinamilk เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในกัมพูชาโดยเฉพาะ
- Del Monte ในฟิลิปปินส์ เป็นการเข้าไปร่วมลงทุนกับบริษัท Del Monte Philippines, Inc.
และนอกจากจะออกไปลงทุนในต่างประเทศ บริษัทต่างประเทศก็อยากจะมาลงทุนกับ Vinamilk เช่นกัน
เหมือนอย่างเช่นบริษัท F&N ที่อยู่ในเครือ ThaiBev ของเจ้าสัวเจริญ ที่เราได้เกริ่นไว้ในตอนต้นของบทความ ก็ได้มีการซื้อหุ้นของบริษัทเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ มาตั้งแต่ปี 2557 แล้ว
ทีนี้เราลองมาดูผลประกอบการของ Vinamilk ในช่วง 3 ปีย้อนหลังกัน
ปี 2564 รายได้ 81,696 ล้านบาท กำไรสุทธิ 14,237 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 80,441 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11,486 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 80,982 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12,076 ล้านบาท
แม้ผลประกอบการในช่วง 3 ปีย้อนหลังจะชะลอตัวลง แต่ Vinamilk ก็ยังมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจของตัวเองให้กว้างออกไปจากเดิม
ด้วยการจับมือกับบริษัท Sojitz Corporation จากญี่ปุ่น ในการร่วมลงทุนในบริษัทใหม่ เพื่อทำธุรกิจขายเนื้อวัว
ซึ่งทางบริษัทคาดว่า ตลาดเนื้อวัวที่บริษัทกำลังจะเข้าไปบุกนี้ มีมูลค่าตลาดประมาณ 160,000 ล้านบาท ในเวียดนาม
จากทั้งหมดนี้เองจะเห็นได้ว่า ตัวธุรกิจของ Vinamilk และกลยุทธ์ต่าง ๆ ในการทำธุรกิจ ค่อนข้างมีความน่าสนใจเลยทีเดียว
และด้วยหัวใจสำคัญของธุรกิจที่มีวัวนม เป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดให้กับบริษัทแห่งนี้
จึงไม่มีคำไหนที่เหมาะจะนิยามบริษัทแห่งนี้ ไปมากกว่าคำว่า “Cash Cow” ได้อีกแล้ว..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#DR
#DRวันละตัว
References