กรณีศึกษา Mc JEANS จัดโปรฯ น้อยลง กำไรมากสุด ในรอบ 5 ปี | MONEY LAB
ภาพจำของร้าน Mc JEANS ของหลาย ๆ คน ก็คือ ร้านขายกางเกงยีน ที่ไปเมื่อไรก็มีโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 อยู่ตลอดเวลา
กรณีศึกษา Mc JEANS จัดโปรฯ น้อยลง กำไรมากสุด ในรอบ 5 ปี
18 ม.ค. 2024
แต่รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบัน Mc JEANS ได้ปรับกลยุทธ์ของตัวเอง โดย “ลดแลกแจกแถม” น้อยลง
ซึ่งสิ่งนี้ อาจจะทำให้คนในร้านดูโล่งขึ้น แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้โล่งตามร้านไปด้วย นั่นคือ กำไรของบริษัท
เพราะในปีที่ผ่านมา Mc JEANS สามารถทำกำไรได้มากที่สุดในรอบ 5 ปี
เพราะในปีที่ผ่านมา Mc JEANS สามารถทำกำไรได้มากที่สุดในรอบ 5 ปี
แล้วอะไรที่ทำให้ บริษัทมีกำไรมากขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ทำธุรกิจค้าปลีกเครื่องแต่งกายและไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ “Mc JEANS”
ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นร้านซักแห้งมาก่อน ผ่านมา 48 ปี MC ได้กลายมาเป็นผู้นำในตลาดกางเกงยีนในประเทศไทย
โดยข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า MC ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18%
ในส่วนของรายได้และกำไรในช่วงที่ผ่านมา เป็นดังนี้
ปี 2564
รายได้ 3,249 ล้านบาท กำไร 446 ล้านบาท
คิดเป็น อัตรากำไรสุทธิ 13.8%
ปี 2564
รายได้ 3,249 ล้านบาท กำไร 446 ล้านบาท
คิดเป็น อัตรากำไรสุทธิ 13.8%
ปี 2565
รายได้ 2,949 ล้านบาท กำไร 486 ล้านบาท
คิดเป็น อัตรากำไรสุทธิ 16.6%
รายได้ 2,949 ล้านบาท กำไร 486 ล้านบาท
คิดเป็น อัตรากำไรสุทธิ 16.6%
ปี 2566
รายได้ 3,692 ล้านบาท กำไร 644 ล้านบาท
คิดเป็น อัตรากำไรสุทธิ 17.5%
รายได้ 3,692 ล้านบาท กำไร 644 ล้านบาท
คิดเป็น อัตรากำไรสุทธิ 17.5%
จะเห็นได้ว่า ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีทั้งกำไรสุทธิ และอัตรากำไรสุทธิ ที่เพิ่มขึ้นมาตลอด
ซึ่งเหตุผลที่ MC มีกำไรเพิ่มขึ้น หลัก ๆ ก็มาจาก 3 ข้อ
ทำโปรโมชันน้อยลง อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น
ก่อนหน้านี้ ถ้าเดินผ่านร้าน Mc JEANS เรามักจะเห็นป้ายโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1
คือ ซื้อกางเกงยีน 1 ตัว แถมกางเกงยีน 1 ตัว
คือ ซื้อกางเกงยีน 1 ตัว แถมกางเกงยีน 1 ตัว
ปัจจุบันโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1 ก็ยังอยู่ แต่จะเปลี่ยนของแถม จากกางเกงยีน ไปเป็นเสื้อหรือเข็มขัด ที่มีราคาต่ำกว่าแทน
หรือปรับเป็น ให้ส่วนลด 30% สำหรับสินค้าชิ้นที่ 2
ในขณะที่ โปรโมชันลด 30-70% จะย้ายไปอยู่ที่ร้าน Mc Outlet ซึ่งเป็นสาขาที่อยู่ในสถานีบริการน้ำมัน ปตท. แทน
ด้วยกลยุทธ์การลดราคาที่น้อยลง ส่งผลให้ MC มีอัตรากำไรขั้นต้น ที่เพิ่มขึ้นมาได้
โดยอัตรากำไรขั้นต้น
ปี 2564 อยู่ที่ 59.6%
ปี 2565 อยู่ที่ 64.7%
ปี 2566 อยู่ที่ 64.8%
ปี 2564 อยู่ที่ 59.6%
ปี 2565 อยู่ที่ 64.7%
ปี 2566 อยู่ที่ 64.8%
ยอดขายเพิ่มขึ้น
นอกจากอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นแล้ว MC ยังมีกลยุทธ์ในการเพิ่มรายได้ คือ การเพิ่มไลน์สินค้ากลุ่ม Lifestyle ให้มากขึ้น จากเมื่อก่อนที่เน้นเฉพาะสินค้ากลุ่มยีน
โดยสินค้า Lifestyle ก็คือ เสื้อผ้า, หมวก, เข็มขัด และรองเท้า ซึ่งเราก็คงจะได้เห็นสินค้าเหล่านี้ในร้านกันแล้ว
เมื่อมาดูรายได้ระหว่างสินค้าทั้ง 2 กลุ่ม
ปี 2564
รายได้สินค้ากลุ่มยีน 1,625 ล้านบาท
รายได้สินค้ากลุ่ม Lifestyle 1,625 ล้านบาท
รายได้สินค้ากลุ่มยีน 1,625 ล้านบาท
รายได้สินค้ากลุ่ม Lifestyle 1,625 ล้านบาท
ปี 2566
รายได้สินค้ากลุ่มยีน 1,660 ล้านบาท
รายได้สินค้ากลุ่ม Lifestyle 2,000 ล้านบาท
รายได้สินค้ากลุ่มยีน 1,660 ล้านบาท
รายได้สินค้ากลุ่ม Lifestyle 2,000 ล้านบาท
จะเห็นว่า สินค้ากลุ่ม Lifestyle เติบโตขึ้นมาถึง 23%
อีกช่องทางในการเพิ่มรายได้ ที่น่าจับตามองคือ ช่องทางออนไลน์ ที่ปัจจุบันคิดเป็น 11% ของยอดขายของบริษัท
โดย 2 ใน 3 ของยอดขายออนไลน์ มาจากแพลตฟอร์ม TikTok
การลดค่าใช้จ่าย มาจากการบริหารจัดการ Supply Chain ที่ดีขึ้น
MC มีการบริหาร Supply Chain และต้นทุนค่าขนส่งให้ดีขึ้น โดยมี Fulfillment Center ซึ่งเป็นจุดรวมสินค้าก่อนส่งไปยังสาขาต่าง ๆ
ด้วย 3 เหตุผลที่กล่าวมา ทั้งการทำโปรโมชันน้อยลง, การหาช่องทางเพิ่มรายได้ และการลดค่าใช้จ่าย
ก็ทำให้ MC มีกำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิ มากสุดในรอบ 5 ปี..
Sponsored by JCB
สัมผัสประสบการณ์ที่มากกว่ากับ บัตรเครดิต JCB
ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษดี ๆ เพลิดเพลินทั้ง กิน เที่ยว ช้อป ในไทยและต่างประเทศ
พร้อมกับการให้บริการสุดพิถีพิถันทุกรูปแบบ
ที่มาพร้อมสิทธิพิเศษดี ๆ เพลิดเพลินทั้ง กิน เที่ยว ช้อป ในไทยและต่างประเทศ
พร้อมกับการให้บริการสุดพิถีพิถันทุกรูปแบบ
Facebook : JCB Thailand
LINE : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)JCBThailand #JCBCard
LINE : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)JCBThailand #JCBCard
JCBOwnHappinessOwnStory #อีกขั้นของความสุขในรูปแบบที่เป็นตัวคุณ