กรณีศึกษา Earl Crawley พนักงานลานจอดรถ สร้างพอร์ตการลงทุน 27 ล้านบาท
31 พ.ค. 2024
บ่ายวันหนึ่งในเมืองบัลติมอร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา มีลูกค้าที่กำลังเดินทางมาติดต่อธนาคาร Mercantile กำลังยืนพูดคุยกับพนักงานที่ยืนอยู่ในป้อมหน้าลานจอดรถอย่างเคร่งเครียด
ถ้าเราเดินเข้าไปฟังใกล้ ๆ จะเจอบทสนทนาที่น่าเหลือเชื่อ เพราะลูกค้าคนนี้ กำลังปรึกษาเรื่องการลงทุนกับพนักงานลานจอดรถอยู่
พนักงานลานจอดรถคนนี้ มีชื่อว่า คุณ Earl Crawley ผู้เป็นเจ้าของพอร์ตการลงทุน มูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2007 หรือเทียบเท่ากับ 27,640,000 บาท ในปัจจุบัน
แล้วพนักงานลานจอดรถอย่างคุณ Earl Crawley มีหลักการลงทุนอย่างไร ถึงมีความมั่งคั่งมากขนาดนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
คุณ Earl Crawley เป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกา ที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอเมริกา ในปี 1938
เขาเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน ทำให้เขาต้องเริ่มต้นทำงานตั้งแต่อายุ 13 ปี แต่รายได้ส่วนใหญ่ที่เขาหาได้ ก็มักจะหมดไปกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว
นอกจากเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจนแล้ว เขายังมีปัญหาเรื่องการอ่านหนังสือไม่ออก หรือที่เรียกกันว่าโรค Dyslexia อีกด้วย
นั่นจึงทำให้เขาตระหนักดีว่า อนาคตเขาคงทำได้แต่อาชีพที่ใช้แรงงานเท่านั้น และความประหยัดอดออม คงเป็นเพียงทางรอดเดียวของเขาในการใช้ชีวิตให้อยู่รอดในแต่ละวัน
แต่โชคยังดี ที่ชีวิตความเป็นอยู่ที่ยากลำบากในวัยเด็ก สอนให้เขาต้องวางแผนการใช้เงินอย่างระมัดระวัง
ดังนั้นเมื่อเขาโตขึ้น และแต่งงานสร้างครอบครัวจนมีลูกกับภรรยาถึง 3 คน ทำให้เขาต้องมีภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงครอบครัวถึงสัปดาห์ละ 30,000 บาท
เขาเริ่มมองหาอาชีพเสริม นอกจากงานหลักของเขาที่เป็นพนักงานลานจอดรถของธนาคาร Mercantile ที่เมืองบัลติมอร์
จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่ง มีนายธนาคารให้คำแนะนำกับเขาว่า ให้นำเงินเก็บบางส่วนไปลงทุน เพื่อเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้ นอกเหนือจากการทำงานที่ต้องใช้แรง
ด้วยความที่เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว และมีภาระในการส่งเสียเลี้ยงดูลูกทั้ง 3 คนของเขา เขาจึงมีกฎเหล็กในการลงทุนว่า เงินลงทุนของเขาต้องปลอดภัย มีความเสี่ยงต่ำ
เขาจึงเริ่มต้นลงทุนจากการลงทุนในกองทุนรวม เดือนละประมาณ 9,000 บาท ตามคำแนะนำของนายธนาคาร
แม้คุณ Earl จะไม่สามารถอ่านหนังสือได้ แต่เขาก็เรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุน ผ่านการเนียนถามนายธนาคารที่เดินผ่านไปผ่านมาในบริเวณที่เขาทำงานอยู่
เขาทำแบบนี้มาตลอด 15 ปี จนพอร์ตการลงทุนของเขามีมูลค่าประมาณ 3,000,000 บาท ได้ในปี 1980
เขาจึงเริ่มมีความมั่นใจในฝีมือการลงทุนของตัวเองมากขึ้น และเริ่มสนใจที่จะลงทุนในหุ้นรายตัวด้วยตัวเอง
ถึงแม้จะมีความมั่นใจมากขึ้น แต่กฎเหล็กการลงทุนของเขา ที่เน้นรักษาความปลอดภัยของเงินต้นก็ยังไม่หายไปไหน
เขาจึงเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีพื้นฐานดี และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ เช่น หุ้น IBM, Coca-Cola, Bank of America, Colgate-Palmolive และ Lockheed Martin เป็นต้น
กลยุทธ์การลงทุนของเขาก็เรียบง่าย คือ ในช่วงแรกจะเน้นซื้อหุ้นที่สนใจให้ได้จำนวนหุ้นมากเท่าที่ต้องการ จากนั้นก็จะหยุดซื้อหุ้นตัวนั้น
รอให้มีเงินปันผลเข้ามา แล้วก็นำเงินปันผลกลับไปซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น
จนกระทั่งในปี 2007 พอร์ตการลงทุนของเขาก็มีมูลค่ามากถึง 27 ล้านบาท พร้อมกับปันผลที่ได้รับในแต่ละปีไม่น้อยกว่า 1,000,000 บาท ถึงตอนนี้คุณ Earl ก็อายุครบ 69 ปีพอดี
ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกไปตลอดชีวิตของเขาแล้ว เขาจึงเริ่มส่งต่อความรู้ให้กับคนในชุมชนของเขา
ด้วยการจัดตั้งชมรมการลงทุนขึ้น ที่โบสถ์แถวบ้านของเขา โดยทุก ๆ วันอาทิตย์ เขาจะให้คำปรึกษากับเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับหลักการลงทุนที่ถูกต้อง
เป็นที่น่าเสียดายว่า ไม่มีใครรู้มูลค่าพอร์ตการลงทุนของเขาในปัจจุบันเลย
รู้แต่เพียงว่าเขายังคงถือหุ้นไว้ และนำเงินปันผลกลับไปลงทุนเหมือนเดิม
ตลอด 17 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2007 จนกระทั่งถึงในปัจจุบัน พอร์ตการลงทุนของเขาก็น่าจะเติบโตได้หลายเท่าตัว
เรื่องราวของคุณ Earl Crawley เป็นอีกกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่า ไม่สำคัญหรอกว่าเราเกิดมาเป็นอย่างไร บางคนอาจไม่ได้เกิดมามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
แต่ระหว่างทางเราสามารถพัฒนาชีวิตของเราให้ดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย
เหมือนที่คุณ Earl รู้จักอดทน เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อย ๆ จนปลายทางของชีวิตเขาเต็มไปด้วยความสุข และมั่งคั่ง อย่างที่ตัวเขาตอนเด็ก ๆ ก็คงนึกไม่ถึง..
References :