Tatsuro Kiyohara นักลงทุนในตำนาน (อดีต) คนรวยสุดในญี่ปุ่น ที่ทำผลตอบแทนได้ 9,000%

Tatsuro Kiyohara นักลงทุนในตำนาน (อดีต) คนรวยสุดในญี่ปุ่น ที่ทำผลตอบแทนได้ 9,000%

16 ม.ค. 2025
หากพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นประเทศที่คนไทยหลายคน ให้ความหลงใหลไม่น้อยเลย เพราะมีอาหารที่อร่อย และมีวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์
แต่รู้หรือไม่ว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สภาพเศรษฐกิจและตลาดหุ้นของญี่ปุ่น กลับมีการเติบโตที่ต่ำมาก
จนถูกเรียกว่า “เป็นทศวรรษที่สูญหาย” หรือ Lost Decade
พูดได้ว่า พอสภาพเศรษฐกิจญี่ปุ่น มีปัญหาเรื้อรังเป็นเวลานานแบบนี้ จนทำให้การจะลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น ให้ได้รับผลตอบแทนสูง ๆ ก็ดูจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก
แต่มีนักลงทุนแบบเน้นคุณค่าคนหนึ่งทำได้ เพราะเขาได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงเวลานี้ สูงถึง 9,300% 
แถมนักลงทุนท่านนี้ ยังเป็นคนที่ปฏิเสธคุณ George Soros กลับไปถึง 2 ครั้ง เมื่อครั้งที่คุณ Soros เคยอยากจะนำเงินมาลงทุนด้วย 
นักลงทุนท่านนี้ ก็คือ คุณ Tatsuro Kiyohara
นักลงทุนในตำนาน ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ และอดีตคนรวยสุดในญี่ปุ่น ประจำปี 2005
หากสงสัยว่าคุณ Kiyohara เป็นใครมาจากไหน และทำอย่างไร ถึงกลายเป็นคนรวยสุดในญี่ปุ่นได้
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุนให้เข้าใจง่าย ๆ
คุณ Tatsuro Kiyohara เกิดในปี 1959 ที่เมืองมัตสึเอะ จังหวัดชิมาเนะ ประเทศญี่ปุ่น โดยเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยโตเกียว ในปี 1981
พอเรียนจบปริญญาตรี เขาก็ได้เข้าทำงานที่บริษัทหลักทรัพย์ Nomura Securities ในแผนกที่ปรึกษาการลงทุนต่างประเทศ
การทำงานที่นี่ ทำให้คุณ Kiyohara เกิดความรู้สึกไม่สบายใจกับโมเดลธุรกิจของบริษัทหลักทรัพย์เท่าไรนัก เพราะเห็นว่า แม้ว่าลูกค้าจะขาดทุน แต่บริษัทหลักทรัพย์กลับได้กำไรอยู่เสมอ
ซึ่งนั่นนำมาสู่คำถามสำคัญ ที่จะมีอิทธิพลต่อปรัชญาการลงทุนของเขา ไปตลอดชีวิตเลย
นั่นก็คือ คุณ Kiyohara เกิดความสงสัยว่า “รูปแบบธุรกิจ ที่ทำให้ลูกค้าได้กำไร และตัวเองก็ได้กำไรไปด้วย จะมีอยู่จริงหรือไม่..”
หลังจากทำงานที่นี่มาได้ 3 ปี เขาก็ได้ไปเรียนต่อปริญญาโท หลักสูตร MBA ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งในระหว่างที่เรียนปริญญาโทอยู่นี่เอง เขาก็ได้รู้จักว่ากองทุนเฮดจ์ฟันด์ คืออะไร
หลังเรียนปริญญาโทจบ ในปี 1986 เขาก็ได้กลับมาทำงานที่ Nomura Securities อีกครั้ง แต่เป็นที่สาขานิวยอร์ก
พอมาถึงปี 1991 เขาก็ได้ย้ายมาทำงานที่ Goldman Sachs Securities โดยที่นี่เอง ที่เขาเริ่มมีความคิดว่า อยากจะตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของตัวเองขึ้นมา
แต่การจะทำแบบนั้นได้ เขาก็จำเป็นต้องมีเงินลงทุนตั้งต้นของตัวเองสักประมาณหนึ่งเสียก่อน 
ดังนั้น ในระหว่างที่ทำงานที่นี่ เขาจึงมุ่งมั่นตั้งใจทำงาน เก็บเงินให้ได้มากที่สุด เพื่อทำให้ความฝันของเขากลายเป็นจริง
จนกระทั่งในปี 1998 ความฝันของคุณ Kiyohara ก็ได้กลายเป็นความจริง เพราะเขาได้เปิดตัวกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ชื่อ “Tower K1 Fund” ด้วยเงินลงทุนตั้งต้นของตัวเอง คิดเป็นเงินในปัจจุบัน ประมาณ 12 ล้านบาท
โดยหลักการลงทุนที่กองทุน K1 ใช้ จะเป็นในรูปแบบที่สวนกระแสกับนักลงทุนส่วนใหญ่
กล่าวคือ กองทุน K1 จะเน้นลงทุนด้วยการถือหุ้นในบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีราคาถูก มีผู้บริหารที่มีความสามารถ และมีโอกาสในการเติบโต
พร้อมทั้งหาโอกาสในการชอร์ตหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีราคาแพง
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการของกองทุนเติบโตขึ้น กลยุทธ์ของกองทุน K1 ก็ไม่ได้มีรูปแบบที่ตายตัว เหมือนเดิมอีกแล้ว
เพราะในบางช่วงเวลา ที่หุ้นขนาดใหญ่ราคาถูกมาก ทางกองทุนก็ได้มีการเข้าไปลงทุนด้วย และได้กำไรกลับมาไม่น้อย
นอกจากนี้เอง ทางกองทุนก็ยังได้มีการลงทุนในกอง REIT ซึ่งเป็นกองทรัสต์ที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเหมือนกัน
ทำให้เมื่อนับตั้งแต่ปี 1998 ซึ่งเป็นปีที่ก่อตั้งกองทุน K1 จนถึงปี 2023 ที่เป็นปีสุดท้ายของกองทุน หรือก็คือตลอดระยะเวลา 25 ปี ภายใต้การบริหารของคุณ Kiyohara
กองทุน K1 สามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 9,300%
หรือคิดเป็นผลตอบแทนทบต้น เฉลี่ยปีละ 20%
หากเทียบกันกับดัชนี Nikkei 225 ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นของบริษัทชั้นนำ 225 บริษัทของญี่ปุ่น ในช่วงเวลาเดียวกัน ที่ทำผลตอบแทนได้เฉลี่ยประมาณ ปีละ 3% แล้ว
ต้องบอกเลยว่า กองทุน K1 ของคุณ Kiyohara เอาชนะดัชนี Nikkei 225 ได้อย่างขาดลอย..
และด้วยผลจากการเป็นผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ที่ประสบความสำเร็จมาก รวมถึงความมั่งคั่งของเขาถึง 70% ก็อยู่ในกองทุนนี้ด้วย
ก็ทำให้ในปี 2005 ประเทศญี่ปุ่นได้มีการจัดอันดับออกมาว่า คุณ Tatsuro Kiyohara เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น 
เพราะมีรายได้สูงถึง 25,000 ล้านบาท และเป็นคนที่เสียภาษีมากที่สุดของญี่ปุ่น ในปีนั้นด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า เราน่าจะรู้จักคุณ Tatsuro Kiyohara นักลงทุนในตำนานของญี่ปุ่น กันดีขึ้นแล้ว
แม้ในวันนี้ ทางคุณ Tatsuro Kiyohara ได้เลือกตัดสินใจ เกษียณงานด้านการลงทุนไปแล้ว ด้วยเหตุผลจากความชรา และเลือกจะใช้เวลาที่เหลือในบั้นปลายของชีวิต อย่างสงบสุข
แต่เขาเองก็ได้มีสิ่งสุดท้ายที่ทิ้งเอาไว้ให้คนรุ่นถัดไปอยู่เหมือนกัน นั่นคือประสบการณ์ที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิต ที่เขาได้เขียนออกมาเป็นหนังสือ ที่แปลเป็นไทยในชื่อ “วิถีแห่งการลงทุนของผม บทเรียนจากเซียนหุ้นญี่ปุ่น”
และหากเราลองย้อนกลับไปยังคำถาม ที่คุณ Kiyohara เริ่มถามตัวเอง นับตั้งแต่งานแรกที่เริ่มทำงานในโลกของการเงินการลงทุนว่า
“รูปแบบธุรกิจ ที่ลูกค้าได้กำไร และเราก็ได้กำไรไปด้วย จะมีอยู่จริงไหม”
จากผลงานการบริหารกองทุนมาทั้งชีวิตของคุณ Kiyohara ก็น่าจะตอบคำถามนี้ได้แล้วว่า มันมีอยู่จริง ๆ..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ 
ในช่วง 3 ปีแรกของการบริหารกองทุน K1 คุณ Kiyohara มีโอกาสได้เจอกับคุณ George Soros และพูดคุยกันในหลากหลายเรื่อง
คุณ Soros รู้สึกประทับใจในความรู้ของคุณ Kiyohara มาก จึงได้ติดต่อมาหลังจากนั้นไม่นานว่า อยากจะนำเงินมาลงทุนในกองทุนนี้ด้วย โดยได้เสนอเงินลงทุนเริ่มต้นไว้ที่ 3,000 ล้านบาท
ซึ่งทางคุณ Kiyohara ก็ได้ปฏิเสธไป เพราะมีข้อจำกัดว่า จำนวนเงินลงทุนสูงสุดของนักลงทุนแต่ละราย จะต้องไม่เกิน 490 ล้านบาท
และอีกอย่าง กองทุนของคุณ Kiyohara เน้นลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก การที่กองทุนมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารมากเกินไป อาจจะทำให้ไม่สามารถใช้กลยุทธ์แบบนี้ได้อีก
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#หุ้นญี่ปุ่น
References
-หนังสือ วิถีแห่งการลงทุนของผม บทเรียนจากเซียนหุ้นญี่ปุ่น (2024) โดย Tatsuro Kiyohara
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.