สรุปเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ EASTW มูลค่าหายไป 80% ใน 3 ปี

สรุปเหตุการณ์สำคัญ ที่ทำให้ EASTW มูลค่าหายไป 80% ใน 3 ปี

9 ม.ค. 2025
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค มักถูกนักลงทุนมองว่าเป็นหุ้นหลุมหลบภัย ในช่วงที่ตลาดผันผวน เพราะมีรายได้มั่นคง และมักจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
ซึ่ง EASTW เองก็เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยธุรกิจสาธารณูปโภค ที่มีความมั่นคงในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ EEC และมีประวัติจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ
แต่ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทแห่งนี้ กลับมีราคาร่วงลงจาก 10.50 บาทในปี 2564 และปัจจุบันเหลือเพียง 2.12 บาท
หรือคิดเป็นมูลค่าบริษัทที่หายไปราว 80%
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ EASTW ถึงทำให้มูลค่าหายไปมาก ในช่วงเวลาสั้น ๆ แบบนี้ ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุนให้เข้าใจง่าย ๆ 
บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ EASTW ก่อตั้งขึ้นในปี 2535
โดยมีการประปาส่วนภูมิภาคเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 
ประกอบธุรกิจเป็นผู้ให้บริการระบบท่อส่งน้ำดิบเส้นหลัก
ในเขตพื้นที่ EEC ครอบคลุมจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา 
โดยระบบท่อส่งน้ำมีความยาวทั้งสิ้น 512 กิโลเมตร แบ่งเป็น
- ระบบท่อส่งน้ำของบริษัทเอง 376 กิโลเมตร
- ระบบท่อส่งน้ำที่เช่าจากกรมธนารักษ์ 136 กิโลเมตร
ด้วยรายได้หลักจากธุรกิจน้ำซึ่งเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน และการเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่เพียงรายเดียวในพื้นที่ EEC ทำให้ EASTW มีรายได้สม่ำเสมอและถูกมองว่า เป็นหุ้นที่มีความมั่นคง
อย่างไรก็ตาม จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในปี 2564 
เมื่อ EASTW แพ้การประมูลสัมปทานระบบท่อส่งน้ำดิบ
ที่เช่าจากกรมธนารักษ์
ทำให้ทางบริษัท ต้องส่งมอบคืนระบบท่อให้กรมธนารักษ์ ในช่วงเดือนเมษายนและธันวาคม 2566 
โดยถ้าหากเราดู สัดส่วนรายได้ของบริษัทในปี 2564 จะเห็นได้ว่า 
- รายได้จากน้ำดิบ 62% 
- รายได้จากน้ำประปา 34% 
- รายได้อื่น ๆ 4%
ซึ่งระบบท่อที่ต้องมอบคืนนี้สร้างรายได้ถึง 30% ของรายได้น้ำดิบ หรือประมาณ 19% ของรายได้รวม
และผลจากการส่งมอบคืนนี้ก็ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ EASTW ในช่วงที่ผ่านมา
- ปี 2564 รายได้ 4,727 ล้านบาท กำไร 1,062 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 4,367 ล้านบาท กำไร 705 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 4,353 ล้านบาท กำไร 311 ล้านบาท
และ 9 เดือนแรก ปี 2567 
รายได้ 3,244 ล้านบาท กำไร 26 ล้านบาท
จากข้อมูลจะเห็นว่า ในแต่ละปีแม้รายได้จะลดลงไม่มาก แต่กำไรกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด 
สาเหตุสำคัญมาจากการที่บริษัทต้องลงทุนสร้างระบบท่อน้ำใหม่ มูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้า หลังจากคืนระบบท่อเดิมให้กรมธนารักษ์
ซึ่งส่งผลกระทบต่อบริษัทหลัก ๆ อยู่ 2 ด้าน ได้แก่
1. การสูญเสียลูกค้าบางส่วน
หลังจากการคืนระบบท่อเดิม ลูกค้ารายใหญ่อย่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. ได้เปลี่ยนไปซื้อน้ำดิบจากผู้ให้บริการรายอื่น 
และในช่วงที่บริษัทกำลังก่อสร้างระบบท่อใหม่ ลูกค้าบางรายจำเป็นต้องหาน้ำดิบจากแหล่งอื่น
ส่งผลกระทบทำให้รายได้จากน้ำดิบลดลง
- ปี 2565 รายได้จากน้ำดิบ 2,594 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้จากน้ำดิบ 2,427 ล้านบาท
และ 9 เดือนแรก ปี 2567 รายได้จากน้ำดิบ 1,666 ล้านบาท
ลดลง 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถรักษาฐานลูกค้าส่วนใหญ่ไว้ได้ถึง 90% 
2. ต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น
เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมในช่วงที่กำลังก่อสร้างระบบท่อใหม่ บริษัทจำเป็นต้องซื้อน้ำจากผู้ให้บริการรายอื่น
ในราคาที่สูงกว่าต้นทุนเดิมเพื่อส่งต่อให้ลูกค้า 
ส่งผลกระทบทำให้ต้นทุนขายน้ำดิบเพิ่มขึ้น
- ปี 2565 ต้นทุนขายน้ำดิบ 1,341 ล้านบาท
- ปี 2566 ต้นทุนขายน้ำดิบ 1,545 ล้านบาท
และ 9 เดือนแรก ปี 2567 ต้นทุนขายน้ำดิบ 1,338 ล้านบาท
เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ต้นทุนขายที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง อย่างเห็นได้ชัด
โดยอัตรากำไรขั้นต้น คำนวณจาก
[(รายได้จากการขาย - ต้นทุนขาย) / รายได้] x 100
ซึ่งเป็นอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัด ความสามารถในการควบคุมต้นทุนของบริษัท 
- ปี 2565 อัตรากำไรขั้นต้น 37%
- ปี 2566 อัตรากำไรขั้นต้น 31%
- 9 เดือนแรก ปี 2567 อัตรากำไรขั้นต้น 20%
การลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นสะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันที่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
นอกจากรายได้ที่ลดลงและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแล้ว การลงทุนสร้างระบบท่อน้ำใหม่มูลค่าเกือบ 6,000 ล้านบาท ยังส่งผลทำให้บริษัทต้องแบกรับภาระต้นทุนทางการเงินและค่าเสื่อมราคาที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย 
ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันกำไรของ EASTW อย่างมีนัยสำคัญ
อีกทั้งล่าสุดไม่กี่วันมานี้ EASTW ยังต้องเผชิญกับ การลาออกพร้อมกันของกรรมการบริษัทถึง 4 คน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ธุรกิจไม่แน่นอน 
ทำให้สร้างความกังวลให้กับผู้ถือหุ้น และส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อทิศทางในอนาคตของบริษัท 
ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้หุ้นที่เคยถูกมองว่ามั่นคง
และเป็นที่นิยมในกลุ่มนักลงทุนสายปันผล ต้องสูญเสียมูลค่าถึง 80% ภายในเวลาเพียง 3 ปี
บทเรียนจาก EASTW สะท้อนให้เราเห็นว่าความมั่นคงในวันนี้ ไม่ได้การันตีถึงความมั่นคงในอนาคต 
โดยเฉพาะธุรกิจที่พึ่งพารายได้จากสัมปทาน ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้จากการแข่งขันหรือข้อกำหนดของภาครัฐ 
การสูญเสียสัมปทานหนึ่งครั้ง อาจส่งผลต่อรายได้ และความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในระยะยาว
ดังนั้น การลงทุนจึงต้องอาศัยการติดตามข้อมูลและ ประเมินความเสี่ยงอย่างรอบด้าน เพื่อให้พร้อมรับมือกับ ทุกความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำ ให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#หุ้นไทย
#EASTW
References
-มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด วันที่ 08/07/2564
-มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด วันที่ 07/01/2568
-รายงานประจำปี 2566 ของ EASTW
-คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาส 3 ปี 2567 ของ EASTW
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.