1. จุดเริ่มต้นของร้าน MR. D.I.Y. มาจากความเหนื่อยล้าของคนมาเลเซียที่ต้องแวะซื้ออุปกรณ์ซ่อมบ้านหลายที่

คุณ Tan Yu Yeh ผู้ก่อตั้งร้าน MR. D.I.Y. สังเกตว่า เวลาที่คนมาเลเซียจะซ่อมบ้านทีไร ก็มักจะต้องแวะซื้อของจากหลาย ๆ ร้าน

กว่าจะซื้ออุปกรณ์ซ่อมบ้านได้ครบ ก็เสียเวลาเดินทางไปทั้งวันแล้ว เพราะยังไม่มีร้านไหนที่รวบรวมอุปกรณ์อย่างครบครัน ในที่เดียว

จึงเกิดเป็นร้าน MR. D.I.Y. ที่มีอุปกรณ์ซ่อมบ้านที่ครบครัน ในปี 2548 และนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์กัวลาลัมเปอร์ในปี 2563

2. “Always Low Price” หรือ ราคาถูกเสมอ คือหัวใจหลักของ MR. D.I.Y ที่แปะอยู่ข้างใต้โลโก้ของทุกสาขา

เพราะโมเดลธุรกิจหลักก็คือ เป็นร้านค้าปลีกสินค้าตกแต่งและซ่อมบ้าน ที่เน้นราคาถูกเป็นหลัก ซึ่งก็มีสินค้าให้เลือกสรรมากกว่า 15,000 รายการ 

ไม่ว่าจะเป็น ฮาร์ดแวร์ เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์ตกแต่งบ้าน รวมถึงเครื่องประดับและเครื่องสำอาง

3. ช่วงแรก MR. D.I.Y. เน้นการขยายแบบ stand alone 

ก่อนหันไปลองขยายสาขาตามศูนย์การค้า แล้วมีลูกค้าเยอะมาก จึงเริ่มโฟกัสการเปิดสาขาตามศูนย์การค้าแทน

โดย MR. D.I.Y. มีรูปแบบสาขา 2 รูปแบบ ได้แก่ สาขานอกศูนย์การค้า (Standalone) และสาขาภายในศูนย์การค้า (Retail Mall-Based)

ทำให้สามารถขยายสาขาได้อย่างรวดเร็วในมาเลเซีย และเมื่อจำนวนสาขาเยอะมากพอ ก็จะไปกดต้นทุนต่อหน่วยในการผลิตสินค้าลง เพราะสามารถผลิตทีละมาก ๆ ได้แล้ว หรือที่เรียกว่า Economy of Scale 

ทำให้ทาง MR. D.I.Y. ก็สามารถขายสินค้าราคาถูกมาได้ตลอด

นอกจากการขยายสาขาแล้ว ยังมีการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งทางเว็บไซต์ของบริษัท และแพลตฟอร์มอย่าง Shopee Tiktok Lazada อีกด้วย

4. MR. D.I.Y. เข้ามาตีตลาดในไทยครั้งแรกเมื่อปี 

พ.ศ.2559 หรือราว 8 ปีก่อน โดยมีสาขาแรกที่ซีคอนบางแค 

ก่อนจะใช้กลยุทธ์ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยการขยายสาขาตามศูนย์การค้าอย่าง เซ็นทรัล, บิ๊กซี, โลตัส และศูนย์การค้าอื่น ๆ เหมือนกับที่ทำสำเร็จมาแล้วในมาเลเซีย 

ถ้าหากถามว่า MR. D.I.Y. ขยายสาขาได้เร็วแค่ไหน ก็ดูได้จากตัวเลขการเปิดสาขาใหม่ ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา

- ปี 2564 เปิดสาขาใหม่ 121 สาขา

- ปี 2565 เปิดสาขาใหม่ 158 สาขา

- ปี 2566 เปิดสาขาใหม่ 184 สาขา

แปลว่าจำนวนสาขาทั้งหมดในไทยเกินครึ่ง พึ่งเปิดมาได้ไมเ่กิน 3 ปีนี้เอง

5. ผลประกอบการของ MR. D.I.Y. ในไทยที่กำลังจะ IPO เป็นอย่างไรบ้าง ?

อ้างอิงจากหนังสือชี้ชวนตราสารทุน หรือแบบไฟลิ่ง ที่ทางบริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ยื่นให้กับทาง กลต. 

ผลประกอบการของบริษัทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมานั้น

- ปี 2564 รายได้รวม 7,182 ล้านบาท กำไรสุทธิ 836 ล้านบาท

- ปี 2565 รายได้รวม 9,941 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,051 ล้านบาท

- ปี 2566 รายได้รวม 12,832 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,381 ล้านบาท

ปัจจุบัน MR. D.I.Y. ในไทย มีทั้งหมด 802 สาขา ครอบคลุม 74 จังหวัดทั่วไทย แถมยังครองส่วนแบ่งตลาดสินค้าอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน และสินค้าไลฟ์สไตล์อยู่ที่ 7.4%

6. ตอนนี้ MR. D.I.Y. อยู่ในขั้นตอนยื่นคำขอเสนอขาย (Filing) ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกของบริษัทที่เตรียมจะเข้า IPO ในตลาดหุ้น 

จากแบบไฟลิ่ง MR. D.I.Y. จะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 981,482,654 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 16.31% ของจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมด

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ

-นำเงินไปใช้ในการลงทุน เพื่อพัฒนาและขยายธุรกิจ

-ชำระเงินกู้ของบริษัทฯ

-ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนทั่วไป สำหรับการดำเนินงาน

และนอกจากนี้ยังมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิอีกด้วย.. 

References

-หนังสือชี้ชวนตราสารทุน บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

-https://www.longtunman.com/29506