
สัมภาษณ์พิเศษ คุณกิตติศักดิ์ คงคา เจ้าของเพจลงทุนศาสตร์
28 มี.ค. 2025
ย้อนกลับไปในปี 2557 มีนักศึกษาจบใหม่ อายุ 23 ปีคนหนึ่ง ที่กำลังตามหาความชอบของตัวเองอยู่
เขาคนนี้ เริ่มต้นด้วยการใช้เวลาเรียนรู้เรื่องที่ตัวเองสนใจไปเรื่อย ๆ โดยหนึ่งในเรื่องที่เขาสนใจ ก็คือเรื่องการเงินและการลงทุน
อาจจะเป็นเพราะโชคชะตา ที่ทำให้ในตอนนั้น เขามีความหลงใหลในสไตล์การลงทุนแบบเน้นคุณค่าเป็นอย่างมาก
ความพากเพียรในการเรียนรู้เรื่องหุ้นอย่างจริงจัง ประกอบกับการลงทุนเพิ่มอย่างสม่ำเสมอ
ผลตอบแทนในการลงทุนที่เขาทำได้จำนวนมหาศาล ก็ทำให้ในระยะเวลาหลังจากเริ่มต้นลงทุนแค่ไม่กี่ปี โดยเริ่มต้นจากเงิน 1 ล้านบาทที่คุณแม่ให้มา
ในตอนที่อายุยังไม่ถึง 30 ปี เขาคนนี้ ก็มีความมั่งคั่งจากการลงทุนในหุ้น สูงกว่า 100 ล้านบาทแล้ว
เขาคนนี้ก็คือ คุณกิตติศักดิ์ คงคา หรือพี่เบส เจ้าของเพจเฟซบุ๊กลงทุนศาสตร์ ที่มีผู้ติดตามเป็นล้านคน
ซึ่งทาง MONEY LAB ได้มีโอกาสสัมภาษณ์กับพี่เบส ที่ได้มาบอกเล่าถึงหลักการลงทุน และมุมมองที่พี่เบสมี ในการเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น
โดยสามารถสรุปออกมาเป็นประเด็นที่สำคัญได้ดังนี้
1. คาดหวังผลลัพธ์ให้น้อย แต่เน้นทำกระบวนการให้ดี
นับตั้งแต่วันแรกที่พี่เบสเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น จนถึงวันนี้ พี่เบสคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน แบบทบต้น ในระยะยาว อยู่ที่ 10% ต่อปี
ซึ่งนับเป็นผลตอบแทนจากการลงทุน ที่เรียกว่าอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล คือไม่ได้สูงมาก แต่ก็ไม่ได้น้อยจนเกินไป
ถึงแม้พี่เบส จะหาหุ้นเด้ง ได้เจออยู่บ่อย ๆ โดยเคยเจอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนถึง 500 เด้ง, 44 เด้ง และหลายเด้ง ในอีกหลาย ๆ ตัว
แต่ความจริงแล้ว ในขั้นตอนการมองหาหุ้นของพี่เบสนั้น คือการมองหาหุ้น โดยไม่ได้เริ่มจากการคาดหวังว่าจะเจอหุ้นเด้งเลย
พี่เบสบอกว่า พอเราไม่ได้คาดหวังสูงจนเกินไป เราก็จะมีตัวเลือกในการลงทุนที่หลากหลาย
หุ้นที่ทำกำไรให้กับพี่เบสได้เยอะมาก ส่วนใหญ่แล้ว ก็มักจะเป็นหุ้นคุณภาพดี ที่มีความสามารถในการเติบโตได้ ในระยะยาว
โดยพี่เบสจะให้ความสำคัญกับมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทมาก และพี่เบสเองก็สามารถรอซื้อหุ้นได้ โดยไม่ได้รู้สึกว่า จำเป็นจะต้องรีบรวยแต่อย่างใด
2. ประเภทหุ้นที่ชอบ
หุ้นที่พี่เบสถนัด และชอบลงทุน ก็มักจะเป็นประเภท หุ้นเติบโตและหุ้นคุณค่า แต่ที่พี่เบสชอบที่สุด ก็คือหุ้นเติบโต
ซึ่งความสามารถในการเติบโตของกิจการนี้เอง เป็นสิ่งที่พี่เบสให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
แต่การดูแค่การเติบโตอย่างเดียว ก็ยังไม่พอ เพราะการเติบโตนั้น จะต้องเป็นการเติบโตที่มีคุณภาพด้วย
และนอกจากคุณภาพแล้ว เรื่องของการซื้อหุ้นในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ก็เป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก
เพราะจุดที่จะทำให้พี่เบสตัดสินใจว่าจะซื้อหุ้นตัวนั้นหรือไม่ ก็คือการดูที่มูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเป็นหลัก
3. ขั้นตอนในการวิเคราะห์หุ้น สไตล์พี่เบส
สำหรับขั้นตอนในการวิเคราะห์หุ้นแบบพี่เบส ตั้งแต่จุดเริ่มต้นคือการหาหุ้น ไปจนถึงการตัดสินใจซื้อหุ้นนั้น
พี่เบสได้ให้คำตอบไว้แล้ว อยู่ในหนังสือที่พี่เบสเขียนเอง ชื่อว่า “STOCK LECTURE ลงทุนหุ้นได้ในเล่มเดียว”
โดยขั้นตอนการวิเคราะห์ ก็จะมีอยู่ 10 ขั้นตอน
- เริ่มจากการวิเคราะห์ปัจจัยมหภาค
- วิเคราะห์อุตสาหกรรม
- วิเคราะห์ธุรกิจเชิงคุณภาพ
- วิเคราะห์ธุรกิจเชิงปริมาณ
- วิเคราะห์ผู้บริหาร
- วิเคราะห์การเติบโต
- ประเมินมูลค่าหุ้น
- กำหนดกลยุทธ์การลงทุน
- จัดรูปแบบพอร์ตโฟลิโอ
- รับมือกับอารมณ์ และเข้าใจจิตวิทยาการลงทุนขั้นพื้นฐาน
หากเราอยากเข้าใจถึงหลักการวิเคราะห์หุ้น ในแบบพี่เบส อย่างถึงแก่น หนังสือ STOCK LECTURE ก็เป็นหนังสืออีกเล่มที่น่าสนใจ ที่เราควรลองหามาอ่านดู
4. หนังสือดี ๆ ที่แนะนำให้อ่าน เพื่อช่วยพัฒนาความรู้ในการลงทุน
พี่เบสเอง ก็เหมือนกับนักลงทุนหลาย ๆ คน ที่กว่าจะมีอิสรภาพทางการเงิน และประสบความสำเร็จจากการลงทุนได้แบบนี้
ก็ต้องเคยผ่านช่วงเวลาตอนเริ่มต้นลงทุน ที่ยังไม่ค่อยมีความรู้มากสักเท่าไร และก็เหมือนกับคนอีกหลายคน ที่ต้องผ่านการลองผิดลองถูก พยายามที่จะเปลี่ยนความไม่รู้ของตนเอง ให้กลายเป็นความรู้ให้ได้
ซึ่งการได้อ่านหนังสือดี ๆ ที่เขียนโดยคนเก่ง ๆ ก็เป็นวิธีที่ดี ที่จะช่วยพัฒนาให้เรากลายเป็นนักลงทุนที่เก่งขึ้นได้
โดยพี่เบส ได้แนะนำหนังสือดี ๆ ที่คิดว่านักลงทุนควรต้องอ่าน มาทั้งหมด 5 เล่ม คือ
- เพาะหุ้นเป็น เห็นผลยั่งยืน ของคุณกวี ชูกิจเกษม
- ตีแตก ของ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
- Buffettology ของคุณ David Clark และคุณ Mary Buffett
- The Snowball ของคุณ Alice Schroeder
- Sapiens ของคุณ Yuval Noah Harari
5. ในโลกการลงทุน การมีความรู้ เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
เมื่อเราเลือกเข้ามาลงทุน ก็หมายความว่า เราจะต้องพร้อมเจอกับความเสี่ยงที่เราจะต้องเสียเงินอยู่แล้ว
ซึ่งความเสี่ยงในด้านการไม่มีความรู้ หรือรู้แบบผิด ๆ จึงเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
พี่เบสบอกว่า การมีทัศนคติที่ดีในการลงทุน เป็นเรื่องที่สำคัญ แต่เราจะมีทัศนคติที่ถูกต้องได้ เราก็จะต้องมีความรู้ที่ถูกต้องเสียก่อน
เพราะถ้าเราไม่มีความรู้ โอกาสที่เราจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ในระยะยาวได้ ก็จะมีน้อย แต่โอกาสที่เราจะสูญเสียเงิน กลับจะมีมาก
ดังนั้น เราจึงควรเริ่มต้นจากการ เน้นสร้างรากฐานความรู้ที่แข็งแกร่ง ขึ้นมาก่อน
ถ้าเราจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ยืนระยะได้ เราจะต้องสามารถคิดได้อย่างอิสระ, อ่านหุ้นเองเป็น, วิเคราะห์หุ้นได้ด้วยตัวเอง
และจะต้องไม่ไปยืมจมูกคนอื่นหายใจ ด้วยการแต่คอยจะไปถามว่า ใครชอบหุ้นตัวไหน หรือมีความเห็นต่อหุ้นตัวนั้นตัวนี้อย่างไร
6. เรียนรู้จากคนเก่งให้เยอะ และสร้างวิธีการในแบบของตัวเองขึ้นมา
เมื่อได้ถามว่า ใครคืออาจารย์ด้านการลงทุน ที่มีอิทธิพลต่อพี่เบสมากที่สุด
พี่เบสก็ได้ตอบกลับมาว่า “เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เพราะแนวทางที่พี่เบสใช้ ก็ไม่เหมือนใครเลย เพราะจริง ๆ แล้ว พี่เบสคิดวิธีแบบนี้ขึ้นมาเอง”
จริง ๆ ก็ต้องบอกแบบนี้ว่า ก่อนที่พี่เบสจะค้นพบ หลักการลงทุนที่ใช่ในแบบของตัวเอง พี่เบสก็ได้ใช้เวลาในการศึกษาวิธีการของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ มาไม่น้อย
ในขณะที่ศึกษาวิธีการของคนอื่น พี่เบสเองก็พยายามจะคิดหาหลักการ ในแบบเฉพาะตัวของพี่เบสเอง ควบคู่ไปด้วย
พอเวลาผ่านไป จากการฝึกฝน คิดทบทวนมาหลายตลบ ก็ทำให้พี่เบส ได้ค้นพบกับ แนวทางการลงทุนในแบบของพี่เบส นั่นเอง
หากจะมีคำแนะนำอะไรสักอย่าง สำหรับแนวทางแบบพี่เบสนี้ ก็คงจะเป็น ในช่วงแรกที่เรายังไม่ค่อยมีความรู้ เราก็ควรจะตั้งใจหาความรู้ ผ่านการเรียนรู้จากคนเก่ง ๆ เสียก่อน
เมื่อเราเริ่มเก่งขึ้น เราก็ควรจะลองมาทบทวนดูว่า มีวิธีการไหน ที่เหมาะกับเราบ้าง อย่างไหนควรเก็บเอาไว้ และอย่างไหนควรตัดออกไป
และสุดท้าย เราก็ลองสรุปออกมาเป็นวิธีการที่เหมาะกับเราดู ถ้าทำได้แบบนี้ ก็น่าจะช่วยให้เราค้นพบหลักการลงทุนในแบบของเรา ที่เหมาะกับเราจริง ๆ ได้
7. สิ่งสำคัญ ที่นักลงทุนควรต้องทำ ถ้าอยากลงทุนให้ประสบความสำเร็จ
เคยมีคำกล่าวไว้ว่า พฤติกรรมที่เราทำสะสมต่อเนื่องเป็นเวลานาน จะเป็นตัวกำหนดปลายทางชีวิตของเรา
ถ้าเราทำแต่พฤติกรรมที่ดี ในระยะยาว เราก็น่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
อย่างในการลงทุน ก็ไม่ต่างกัน เพราะเราก็ควรต้องทำพฤติกรรมดี ๆ ที่ถูกต้องซ้ำ ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนให้เรา กลายเป็นนักลงทุนที่เก่งได้
โดยสิ่งที่พี่เบสทำ ในช่วงแรก ๆ ที่เริ่มต้นลงทุน ก็อย่างเช่น
- การอ่านเพื่อทำความรู้จักหุ้นตัวใหม่ ๆ ทุกวัน
- อ่านบทวิเคราะห์หุ้น ทุกวัน
- ช่วงงบการเงินออก ก็นำงบการเงินมาวิเคราะห์ดู ว่าเกิดอะไรขึ้น
- อ่านข่าวที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น
- ติดตามข้อมูลทางเศรษฐกิจอยู่เป็นประจำ
อย่างไรก็ตาม พี่เบสก็ให้คำแนะนำว่า หากเราลงทุนอยู่ในตลาดหุ้นมานาน เราก็จะเริ่มเข้าใจแล้วว่า ข้อมูลทุกอย่างที่ออกมา จริง ๆ แล้ว ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น ส่วนใหญ่เป็นข้อมูลที่ อ่านไปก็เสียเวลาเปล่า
แต่ในช่วงแรกที่เริ่มต้นลงทุน ถ้าความรู้เรายังไม่แน่น เราก็ควรจะต้องอ่านข้อมูลเยอะ ๆ เพื่อให้มีฐานความรู้ก่อน
และพอมีความรู้ที่มากพอแล้ว เราก็ค่อยเลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่สำคัญก็ได้
8. การจัดพอร์ตลงทุนที่ดี ในแบบพี่เบส
ที่ผ่านมา พอร์ตการลงทุนของพี่เบส จะมีการกระจายความเสี่ยงอยู่ตลอด โดยไม่เคย All In หรือใช้มาร์จินเลย
พี่เบสแนะนำว่า เราลงทุน เราก็ควรจะต้องกินอิ่ม นอนหลับสบาย การลงทุนจะต้องไม่ทำให้เราเครียดเกินไป จนทำให้ชีวิตในแต่ละวัน ไม่มีความสุข
พี่เบสเชื่อว่า ในการลงทุนนั้น เราไม่จำเป็นต้องรีบรวยเร็วมากก็ได้ แต่เราจะต้องไม่จนเร็วมาก
สำหรับคำแนะนำในการจัดพอร์ตของพี่เบส ก็คือ ควรถือหุ้นไม่น้อยกว่า 5 ตัว
พี่เบสคิดว่า การมีหุ้นอยู่ในพอร์ตประมาณ 5-10 ตัว และถือกระจายแต่ละตัวเท่า ๆ กัน ก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว
ในการถือหุ้นของพี่เบสนั้น ไม่ได้พยายามจะเน้นน้ำหนักไปที่หุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เพราะว่าบางทีถ้าเราให้น้ำหนักกับหุ้นตัวหนึ่งมากเกินไป แล้วถ้าเราคิดผิด เราก็อาจจะเสียหายหนักได้
และถ้าหุ้นที่เราให้น้ำหนักในพอร์ต น้อยเกินไป เกิดเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก ก็จะทำให้ไม่ได้สร้างผลกระทบอย่างมีนัยต่อพอร์ตการลงทุนของเรา
ดังนั้น พี่เบสจึงเชื่อว่า การจัดพอร์ตด้วยการถือหุ้นแต่ละตัว ในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน ก็เป็นแนวทางที่เหมาะกับพี่เบสแล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็เชื่อว่า จาก 8 ข้อที่กล่าวมา ก็น่าจะทำให้เราเข้าใจกันดีขึ้นแล้วว่า พี่เบส ลงทุนศาสตร์ มีหลักคิดและวิธีการในการลงทุน เป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ทาง MONEY LAB ก็ได้มีคำถามทิ้งท้ายให้กับพี่เบสด้วย ซึ่งคำตอบนี้ ก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่มีความคิดจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ไม่น้อยเลย
คำถามมีอยู่ว่า
“ถ้าวันหนึ่งในอนาคต พี่เบสไม่ได้ส่งต่อความมั่งคั่งให้กับทายาทหรือครอบครัว แต่ส่งต่อเป็นหลักการในการจัดการด้านการเงินและการลงทุนแทน พี่เบสจะมีคำแนะนำอย่างไร ?”
พี่เบสตอบคำถามนี้ว่า ถ้าเราลงทุนไม่เป็น เรายังไม่พร้อม ก็ยังไม่ต้องลงทุน เดี๋ยวจะเป็นการหาเรื่องเสียเงินเปล่า ๆ
เพราะการลงทุนโดยไม่มีความรู้นั้น เป็นเรื่องที่เสี่ยงกว่า การไม่ลงทุนเสียอีก
ซึ่งการลงทุนเอง ก็ไม่ใช่สิ่งที่เหมาะกับคนทุกคน ถ้าเราไม่ชอบ เราไม่ถนัด ก็ไม่ต้องทำ อย่าไปฝืน สู้เก็บออมเงิน แล้วเอาไปฝากประจำที่ธนาคาร กินดอกเบี้ย ก็ยังเป็นเรื่องที่ดีกว่า
และทั้งหมดนี้ คือประเด็นสำคัญที่ทาง MONEY LAB ได้สรุปมาให้ จากการสัมภาษณ์กับคุณกิตติศักดิ์ คงคา
โดยทางเพจหวังว่า เนื้อหาจากบทความนี้ คงจะช่วยเป็นกระจกสะท้อน และให้มุมมองด้านการลงทุนที่จะเป็นประโยชน์ ต่อทุกท่านที่ได้เข้ามาอ่าน ไม่มากก็น้อยเลย..
สุดท้ายนี้ ทาง MONEY LAB ก็อยากขอขอบคุณพี่เบส หรือคุณกิตติศักดิ์ คงคา ในการให้โอกาสสัมภาษณ์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
-----------------------------------------------------------
ถ้าหากพวกเราอยากจะให้การสนับสนุนผลงานของพี่เบส เราก็สามารถทำได้ผ่านการติดตามงานเขียนของพี่เบสเลย
เพราะพี่เบสเอง นอกจากจะเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จแล้ว ก็ยังเป็นนักเขียนชื่อดัง ที่ประสบความสำเร็จไม่แพ้กันด้วย
โดยมีผลงานเขียนผ่าน 3 นามปากกา คือ “กิตติศักดิ์ คงคา”, “นายพินต้า” และ “ลงทุนศาสตร์”
และในช่วงระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 7 เมษายน 2568 นี้ จะมีงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 โดยจะจัดขึ้นที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ซึ่งพี่เบสเอง ก็มีสำนักพิมพ์เป็นของตัวเอง ที่จะมาตั้งบูทอยู่ภายในงานนี้ด้วย ชื่อสำนักพิมพ์ 13357 โดยบูทจะตั้งอยู่ที่ J11
หากเราสนใจอยากจะลองอ่านหนังสือด้านการลงทุนดี ๆ หรือนิยายชื่อดังหลายเล่ม ที่เขียนโดยพี่เบส เราก็สามารถไปเดินดูที่บูทนี้ได้เลย
หรือถ้าหากเราอยากจะไปขอลายเซ็นกับพี่เบสตัวเป็น ๆ พี่เบสก็จะมาแจกลายเซ็น ในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม และ 5 เมษายน 2568 นี้ด้วย
References
- สัมภาษณ์คุณกิตติศักดิ์ คงคา เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2568
- หนังสือ STOCK LECTURE ลงทุนหุ้นได้ในเล่มเดียว (2565) โดย กิตติศักดิ์ คงคา