อัปเดต! ค่าลดหย่อนหมวดการลงทุน ปีภาษี 2568 ลดหย่อนได้สูงสุด 1,400,000 บาท

อัปเดต! ค่าลดหย่อนหมวดการลงทุน ปีภาษี 2568 ลดหย่อนได้สูงสุด 1,400,000 บาท

14 มี.ค. 2025
รู้ไหมว่าในปีภาษี 2568 นี้ เราสามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีในหมวดการลงทุน หรือก็คือ การซื้อกองทุนต่าง ๆ เพื่อลดหย่อนภาษี ได้สูงสุดถึง 1,400,000 บาทเลย 
แล้วเงินค่าลดหย่อนภาษี 1,400,000 บาท มาจากไหนบ้าง 
1. กองทุน RMF สูงสุด 500,000 บาท 
ลดหย่อนได้สูงสุด 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องลงทุนต่อเนื่อง อย่างน้อยปีเว้นปี และมีระยะเวลาถือครองอย่างน้อย 5 ปีและถือจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์
โดยวงเงินนี้รวมการลงทุนเพื่อการเกษียณอย่าง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ PVD, กบข., ประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชนด้วย
2. กองทุน Thai ESG สูงสุด 300,000 บาท
ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 บาท โดยวงเงินนี้แยกต่างหากจากการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ
โดยมีระยะเวลาการถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแบบวันชนวัน
อย่างไรก็ตาม วงเงินสูงสุดที่ 300,000 บาท และการถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปีตามประกาศกฎกระทรวง ฉบับ 395 จะมีผลในปีภาษี 2567 ถึง 2569 เท่านั้น
ทำให้หลังจากปี 2570 เป็นต้นไป วงเงินสูงสุดอาจลดลงมาอยู่ที่ 100,000 และต้องถือครองไม่น้อยกว่า 8 ปีนับแบบวันชนวัน
3. กองทุน Thai ESGX (ส่วนที่ซื้อใหม่) สูงสุด 300,000 บาท 
ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 300,000 บาทเฉพาะปี 2568 และต้องลงทุนภายใน 1 พ.ค. ถึง 30 มิ.ย.68 เท่านั้น
โดยระยะเวลาการถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปี นับแบบวันชนวัน
วงเงินนี้แยกต่างหากจากกองทุน Thai ESG ทั่วไปและการลงทุนเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ 
และในปี 2569 วงเงินของกองทุน Thai ESGX จะถูกนำไปรวมกับกองทุน Thai ESG 
ทำให้ในปี 2569 เราจะสามารถซื้อ Thai ESGX และ Thai ESG รวมกันได้สูงสุดที่ 300,000 บาทเท่านั้น
4. กองทุน Thai ESGX (ส่วนที่โยกจาก LTF) ที่มีวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท 
แต่สำหรับปี 2568 นี้จะให้วงเงินลดหย่อนภาษีไปก่อนสูงสุด 300,000 บาท 
จากนั้นถ้ามีวงเงินลดหย่อนภาษีส่วนที่เหลืออีก 200,000 บาท จะเป็นการหารเท่า ๆ กันไปอีก 4 ปี ทำให้เราจะได้วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดปีละ 50,000 บาท ตั้งแต่ 2569 ไปจนถึง 2572 
สรุปกันชัด ๆ อีกครั้ง ค่าลดหย่อนภาษีสูงสุดของหมวดการลงทุน สำหรับเฉพาะปี 2568 นี้ จะมาจาก
- 500,000 บาท ในส่วนของการลงทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด ได้แก่ RMF, PVD, กบข., ประกันชีวิตแบบบำนาญ และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน
- 300,000 บาท ในส่วนของการซื้อกองทุน Thai ESG ทั่วไป 
- 300,000 บาท ในส่วนของการซื้อกองทุน Thai ESGX เพิ่มอีก
- 300,000 บาท ในส่วนของการสับเปลี่ยนกองทุน LTF มาเป็นกองทุน Thai ESGX
ทำให้ค่าลดหย่อนภาษีในหมวดการลงทุนของปี 2568 เมื่อใช้สิทธิทั้งหมดสูงสุดแล้ว ก็จะได้เป็น 
500,000 + 300,000 + 300,000 + 300,000 = 1,400,000 บาท นั่นเอง.. 
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.