สรุปผลประกอบการ SCC ปี 2567

สรุปผลประกอบการ SCC ปี 2567

29 ม.ค. 2025
วันนี้ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC รายงานผลประกอบการออกมา
โดยในงบปี 2567 บริษัทมีรายได้จากการขาย 511,172 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2%
โดยยังคงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน หรือ EBITDA ซึ่งเป็นกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย อยู่ที่ 53,946 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,342 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 76% 
นอกจากนี้ยังมีการประกาศจ่ายปันผลเพิ่มอีก 2.5 บาทต่อหุ้น จากที่จ่ายไปแล้ว 2.5 บาทต่อหุ้นในเดือนสิงหาคม ปี 2567 ที่ผ่านมา 
ทำให้ทั้งปีผลประกอบการ 2567 SCC จ่ายปันผลไป 5 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 95% ของกำไรทั้งหมด 
ซึ่งถ้าหากเราเจาะลึกลงไปในการเติบโตของรายได้ แยกออกเป็น 5 บริษัทในกลุ่ม จะพบว่า 
- บริษัท เอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์ จำกัด รายได้ 81,891 ล้านบาท กำไร 2,428 ล้านบาท
- บริษัท เอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง จำกัด และบริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น แอนด์ รีเทล จำกัด รายได้ 140,165 ล้านบาท กำไร 1,087 ล้านบาท
- บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD รายได้ 25,563 ล้านบาท กำไร 810 ล้านบาท
- บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC รายได้ 210,298 ล้านบาท ขาดทุน 7,990 ล้านบาท
- บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายได้ 132,784 ล้านบาท กำไร 3,699 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจปิโตรเคมี ยังมีค่าใช้จ่ายของโรงงาน Long Son (LSP) 
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถรักษาอัตราการดำเนินงานได้สูงกว่าผู้เล่นอื่นในภูมิภาคเดียวกัน เพราะมีสินค้าเเละบริการที่มีมูลค่าเพิ่มสูง (HVA) และ SCGC Green Polymer ทำให้บริษัทยังแข่งขันได้
ขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ยังคงเติบโตได้ดี เช่น ธุรกิจค้าปลีก ที่ร้านค้าปลีกในอินโดนีเซียอย่าง Mitra 10 มีการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ตามการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน รวมถึงธุรกิจกระเบื้องและสุขภัณฑ์อย่าง SCGD ก็มีการเข้าไปบุกตลาดเวียดนาม
โดยในตอนนี้กลยุทธ์หลัก ๆ ที่ SCC กำลังใช้ในการดำเนินงานอยู่ก็คือ 
- บริหารต้นทุนและสร้างความแข็งแกร่งให้กระแสเงินสด ทาง SCC ได้เร่งเพิ่มเงินสดขององค์กร โดยปีที่ผ่านมาลดเงินทุนหมุนเวียนลงได้ 6,200 ล้านบาท จากปีก่อน
- พัฒนาและขยายธุรกิจ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจปิโตรเคมีในระยะยาว ด้วยการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทน ในโครงการปิโตรเคมี LSP เวียดนาม เพื่อเพิ่มทางเลือกในการใช้วัตถุดิบผลิตเม็ดพลาสติก ช่วยลดต้นทุน สร้างความสามารถในการแข่งขันยิ่งขึ้น 
ซึ่งในระยะสั้นและระยะกลาง เราอาจจะต้องจับตามองธุรกิจปิโตรเคมีของ SCC เพราะสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน และการแข่งขันจากผู้ผลิตในประเทศจีนที่กำลังฟื้นตัวกลับมา 
แต่จากมุมมองของนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ถ้าหากสถานการณ์ในปี 2568 มีแนวโน้มดีขึ้นและอาจเป็นจุดกลับตัว เช่น
- กลุ่มธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จะมีการเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ Low Carbon Cement ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูง และยังมีโอกาสเติบโตจากการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา 
รวมทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐของไทย ที่คาดว่าจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
- กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี จะได้ประโยชน์จากต้นทุนราคาน้ำมันที่ชะลอตัวลง ซึ่งราคาน้ำมันเป็นต้นทุนหลักในการผลิต
References 
- คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการไตรมาสที่ 4/2567 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
คำเตือน : โพสต์นี้เป็นเพียงการนำเสนอข้อมูล ไม่ได้มีเจตนาให้ซื้อหรือขาย หุ้นตัวดังกล่าวแต่อย่างใด
Tag: SCGSCC
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.