Nicolas Darvas สุดยอดนักเต้น ทำให้พอร์ตโต 200 เท่า ได้อย่างไร โดยไม่ต้องตามข่าว
7 พ.ย. 2024
ทุกคนที่ก้าวเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้น ต่างก็อยากเห็นเงินของตัวเองงอกเงยขึ้นทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ด้วยข้อจำกัดของหลายคนที่ทำงานประจำไปด้วย ทำให้อาจไม่ค่อยมีเวลาติดตามราคาหุ้น และข้อมูลข่าวสารได้ตลอดเวลา
เช่นเดียวกันกับคุณ Nicolas Darvas ที่เมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้ว เขาเป็นนักเต้นมืออาชีพ ผู้ต้องเดินทางไปแสดงหลายประเทศทั่วโลก ทำให้ต้องปรับตัวกับทั้งเวลาที่ต่างกันและตารางงานที่แน่นมาก
แต่คุณ Darvas กลับค้นพบว่า ข้อจำกัดในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารที่น้อยและการติดตามราคาหุ้นเพียงแค่ตอนตลาดปิด กลับกลายเป็นจุดแข็งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้อย่างน่าทึ่ง
เพราะเขาสามารถปั้นพอร์ตการลงทุนจากเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ ไปเป็น 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือโตขึ้นถึง 200 เท่า ในเวลาเพียง 18 เดือนเท่านั้น
ซึ่งความสำเร็จของเขาได้รับความสนใจมาก จนได้รับการตีพิมพ์ในนิตยสาร Time ในปี 1959
ที่สำคัญหลักการของเขายังได้กลายมาเป็นรากฐานของการลงทุนแบบ Hybrid Investing อย่างกลยุทธ์ CANSLIM ที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน ซึ่งพัฒนาโดย William O'Neil อีกด้วย
และหากอยากรู้ว่าคุณ Nicolas Darvas มีหลักการลงทุนอย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นการลงทุนของคุณ Darvas เกิดขึ้นโดยบังเอิญ จากการได้รับค่าจ้างในการเต้นเป็นหุ้นแทนเงินสด และพบว่ามูลค่าของมันเพิ่มขึ้นหลายเท่าในเวลาเพียง 2 เดือน
แต่ในช่วงแรกของการลงทุน คุณ Darvas มักจะซื้อหุ้นตามคำแนะนำของคนอื่นโดยไม่ได้ศึกษาข้อมูลอะไรเลย
จนกระทั่งเมื่อได้เห็นสรุปข้อมูลการซื้อขายหุ้น แล้วพบว่าตัวเองขาดทุนไปหลายพันดอลลาร์สหรัฐ ทำให้คุณ Darvas กลับมาทบทวนและศึกษาการลงทุนอย่างจริงจัง
ด้วยการเริ่มต้นศึกษาปัจจัยพื้นฐานของบริษัท อ่านรายงานทางการเงิน และพยายามเข้าใจอุตสาหกรรมต่าง ๆ
แต่เมื่อนำความรู้นี้มาใช้ลงทุนจริง เขากลับพบว่าตัวเองยังคงขาดทุนอยู่ดี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณ Darvas สังเกตเห็นจากโทรเลขที่เขาใช้รับข้อมูลราคาปิดของหุ้นทุกวันคือ ราคาหุ้นมักเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่มีขอบบนและล่าง เป็นเหมือนกล่อง
และจากการสังเกตนี้ จึงเกิดเป็นทฤษฎีที่เรียกว่า
Darvas Box ขึ้นมา
โดยหลักการทฤษฎี Darvas Box สามารถสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ แบ่งเป็น 3 ข้อ คือ
1. ก่อนซื้อหุ้น
คุณ Darvas ผสมผสานการวิเคราะห์ทั้งปัจจัยทางเทคนิคและพื้นฐานควบคู่กัน แต่จะเน้นให้ความสำคัญกับปัจจัยทางเทคนิคเป็นหลัก
ทุกเย็นเขาจะดูราคาปิดของหุ้นที่ถืออยู่ผ่านทางโทรเลข เพื่อวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของราคา
และทุกสัปดาห์จะอ่านหนังสือพิมพ์การเงินรายสัปดาห์ เพื่อดูราคาหุ้นและปริมาณการซื้อขายของหุ้นตัวอื่น ๆ
หากมองเห็นการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นที่เคลื่อนไหวในกล่องที่ชัดเจน และเริ่มมีปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโต เขาจะขอข้อมูลราคาปิดล่าสุด เพื่อดูการเคลื่อนไหวรายวันเพิ่มเติม
โดยการวิเคราะห์ทั้งหมดนี้ จะไม่อ่านคำแนะนำ ความคิดเห็น และข่าวลือใด ๆ เลย เพราะเชื่อว่าการเคลื่อนไหวของราคาและปริมาณการซื้อขายสะท้อนทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับหุ้นนั้นแล้ว
2. จุดซื้อ
คุณ Darvas มีหลักการซื้อหุ้นที่ชัดเจนและเป็นระบบ โดยจะซื้อหุ้นเมื่อราคาทะลุขอบบนของกล่องขึ้นไป พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งก็คือหลักการเดียวกับการ Breakout ทะลุแนวต้านพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น ที่เทรดเดอร์คุ้นเคยในยุคปัจจุบัน
และการเข้าซื้อของคุณ Darvas จะไม่ใช่การทุ่มซื้อทีเดียว แต่จะทยอยแบ่งไม้เข้าซื้อ เพื่อยืนยันแนวโน้มและลดความเสี่ยง
และที่สำคัญในทุกคำสั่งซื้อ เขาจะกำหนดจุดตัดขาดทุน หรือ Stop Loss ไว้ล่วงหน้าเสมอ เพื่อจำกัดความเสียหาย หากราคาไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์
3. จุดขาย
นอกจากจุดซื้อแล้ว คุณ Darvas ก็มีหลักการขายหุ้นที่ชัดเจนและเป็นระบบ
สำหรับการขายทำกำไร แม้จะไม่กำหนดจุดขายตายตัว แต่เขาจะค่อย ๆ ยกระดับจุดขายขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามกล่องการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น
โดยจุดขายทำกำไรมักจะอยู่ที่ขอบล่างของกล่องปัจจุบัน หากราคาหุ้นทะลุขอบล่างของกล่อง นายหน้าที่ได้รับคำสั่งจากคุณ Darvas ว่าให้ขายหุ้นที่ระดับราคานี้ ก็จะทำการขายทันที
ซึ่งสำหรับเทรดเดอร์ในปัจจุบันก็คือการทำ Trailing Stop นั่นเอง
แนวทางนี้ทำให้เขาขาดทุนเพียงเล็กน้อยเมื่อราคาหุ้นไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถเก็บเกี่ยวกำไรก้อนใหญ่ได้เมื่อราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้น
คุณ Darvas จะส่งคำสั่งทั้งหมดนี้ไว้ล่วงหน้า เนื่องจากในช่วงเวลาซื้อขาย เขามักจะต้องไปตระเวนแสดงอยู่ที่ต่างประเทศ และแม้ในช่วงที่กลับมานิวยอร์ก เขาก็ยังคงใช้วิธีนี้อย่างเคร่งครัด
โดยให้นายหน้าดำเนินการตามคำสั่งที่วางไว้ ไม่ต้องโทรหา และให้คำแนะนำใด ๆ เพื่อให้การตัดสินใจทั้งหมดปราศจากอารมณ์และเป็นไปตามระบบที่วางไว้มากที่สุด
ถึงตรงนี้ก็ต้องย้ำกันอีกทีว่า คุณ Darvas เป็นเทรดเดอร์ที่ลงทุนในช่วงเกือบ 70 ปีที่แล้ว และสามารถทำทุกอย่างนี้ได้ โดยไม่มีแม้แต่กราฟราคาหุ้นแบบเรียลไทม์ให้ดู แบบนักลงทุนในปัจจุบันนี้ด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่เขาทำนั้น เรียกได้ว่า “มาก่อนกาล” ก็คงไม่ผิดนัก เพราะอย่างที่เห็นว่าหลายสิ่งที่เขาทำ ก็เป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ในทุกวันนี้ยังคงปฏิบัติตามเรื่อยมา..
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าสนใจมากก็คือ การลงทุนของคุณ Darvas ไม่เพียงทำงานได้ดีในช่วงตลาดขาขึ้นเท่านั้น แต่การตั้งจุดขายไว้ช่วยให้เขาล็อกกำไรและรอดพ้นจากตลาดขาลงได้
เพราะในช่วงที่ตลาดเริ่มจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลง หุ้นที่เขามีได้ทยอยหลุดจุดขาย จนไม่มีหุ้นเหลือในพอร์ตเลย ก่อนที่ข่าวร้ายจะออกมาด้วยซ้ำ เพราะหุ้นของเขาส่งสัญญาณให้ขายไปก่อนแล้ว
จากทั้งหมดนี้คุณ Darvas ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ความสำเร็จในการลงทุนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเฝ้าติดตามราคาตลอดเวลา แต่เกิดจากการใช้หลักการและวินัยในการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ
ซึ่งในยุคที่ข้อมูลข่าวสารหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด และรวดเร็วมากยิ่งกว่าสมัยของคุณ Darvas การรับข้อมูลที่มากเกินไปก็อาจกลายเป็นอุปสรรค แทนที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จ
แนวทางการลงทุนของคุณ Darvas จึงสอนให้เราเห็นถึงความสำคัญของการตัดสิ่งรบกวนออกไป และให้น้ำหนักกับสิ่งที่สำคัญจริง ๆ
วิธีคิดนี้อาจช่วยให้เรามองตลาดได้อย่างมีเหตุผล และตัดสินใจได้เฉียบคมขึ้น โดยไม่ต้องตกเป็นทาสของข่าวลือ หรือความผันผวนรายวัน
เพราะหัวใจสำคัญของการลงทุนอยู่ที่ระบบและวินัยที่เรายึดมั่น ไม่ใช่ปริมาณข้อมูลที่ได้รับเข้ามา..
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#DarvasBox
References
-หนังสือ How I Made $2,000,000 in the Stock Market โดย Nicolas Darvas