Tesla เจอสงครามราคา แต่ Margin ยังดี เพราะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

Tesla เจอสงครามราคา แต่ Margin ยังดี เพราะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

1 ก.พ. 2024
เมื่อไม่นานมานี้ Tesla ประกาศผลการดำเนินงานในปี 2023 ออกมาแล้ว และทันทีที่มีการเปิดเผยงบการเงินออกมา ราคาหุ้นของ Tesla ก็ปรับตัวลดลงทันที
เพราะประเด็นที่ทำให้หลายคนตกใจก็คือ อัตรากำไรขั้นต้นของ Tesla ในปี 2023 อยู่ที่เพียง 18.3% ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2022 ที่สูงถึง 25.6%
แม้จะมีการส่งมอบรถยนต์ได้มากขึ้นจากปี 2022 ก็ตาม
ซึ่งเรื่องนี้น่าจะสวนทางกับความคาดหวังของนักลงทุนในตลาด
เพราะ Tesla อยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายคงที่สูง ดังนั้นยิ่งผลิตของมาขายได้มากขึ้น ต้นทุนต่อหน่วยก็ควรจะลดลง ซึ่งจะนำมาสู่อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2023 ที่ผ่านมา ที่ต้นทุนหลักของแบตเตอรี่ อย่างแร่ลิเทียม ปรับตัวลดลงไปกว่า 80% แล้วก็ตาม
จริงอยู่ที่ในปี 2023 Tesla มีต้นทุนต่อการผลิตรถยนต์ 1 คันลดลง แต่อัตรากำไรขั้นต้นกลับลดลงด้วย
เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง เป็นผลมาจากการหั่นราคาขายรถยนต์ของ Tesla เพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาดของตัวเอง
เพราะ Tesla กำลังเผชิญกับคู่แข่งที่ขายรถยนต์ถูกกว่า และกำลังส่งมอบรถยนต์แซงหน้า Tesla ไปแล้ว
ซึ่งคู่แข่งที่ว่า ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น BYD ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน
และก็ดูเหมือนว่าฝั่ง Tesla เองก็เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสงครามราคาครั้งนี้อย่างเต็มตัวแล้ว
เพราะล่าสุดบริษัทก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงกลางปี 2025 บริษัทจะเริ่มผลิตรถโมเดลรุ่นใหม่ชื่อ “Model 2”
โดยจะเป็นรถที่มีราคาขายถูกลงกว่ารุ่นก่อน ๆ คาดว่าจะมีราคาขายอยู่ที่ 890,000 บาท เพื่อมาขายในตลาด Mass ที่มี BYD เป็นเจ้าตลาดอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ Tesla จะมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง แต่บริษัทก็ยังโชคดี ที่ปี 2023 บริษัทได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรัฐบาลสหรัฐฯ ไปมากกว่า 200,000 ล้านบาท
ทำให้สุดท้ายแล้ว Tesla ยังสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับเดียวกับปีที่แล้วที่ 15.4% เอาไว้ได้
แต่หากไม่รวมสิทธิประโยชน์พิเศษนี้ Tesla ก็จะมีกำไรสุทธิลดลงจากปีก่อน
หลายคนอาจจะคิดว่า หากสงครามราคาครั้งนี้ดำเนินต่อไปอีกหลายปี และถ้า Tesla ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนปีที่แล้ว
อัตรากำไรสุทธิของ Tesla ที่เคยสูงกว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่น ก็อาจลดลงมาสู่ระดับค่าเฉลี่ย
แต่ความจริงแล้ว อาจไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะ Tesla ไม่ใช่บริษัทขายรถยนต์ทั่วไป แต่เป็นบริษัทที่ขายรถยนต์ พร้อมกับพ่วงขายซอฟต์แวร์ขับขี่อัตโนมัติภายในรถด้วย
หมายความว่า Tesla อาจสามารถตั้งราคาขายรถให้ต่ำ ๆ เพื่อขายรถได้ในปริมาณมากขึ้น จากนั้นก็สามารถถอนทุนคืน ด้วยการปรับราคาขายซอฟต์แวร์ในภายหลังก็ได้..
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.