ทุก ๆ 100 บาท ที่เราสมัคร Netflix จะเป็นกำไรเข้ากระเป๋าบริษัท 12.6 บาท

ทุก ๆ 100 บาท ที่เราสมัคร Netflix จะเป็นกำไรเข้ากระเป๋าบริษัท 12.6 บาท

30 พ.ย. 2023
ทุก ๆ 100 บาท ที่เราสมัคร Netflix จะเป็นกำไรเข้ากระเป๋าบริษัท 12.6 บาท
ทุกวันนี้เราน่าจะเปิดดู Netflix มากกว่าการเปิดดูทีวีกันแล้ว จากการที่ Netflix เต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่น่าสนใจมากมาย
โดย Netflix นั้นมีคอนเทนต์ที่พัฒนาขึ้นมาเอง และที่ซื้อมาจากบริษัทอื่น
ด้วยเหตุนี้เอง ค่าใช้จ่ายหลักของบริษัท ก็จะเป็นเงินลงทุนในคอนเทนต์ ที่คิดเป็น 61 บาท ของเงินทุก ๆ 100 บาท ที่เราจ่ายค่าสมาชิก Netflix
ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการลงทุนในคอนเทนต์ของ Netflix จะถูกบันทึกไว้เป็นรายการ “ต้นทุนการขาย” และแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
ค่าซื้อลิขสิทธิ์คอนเทนต์จากค่ายหนังต่าง ๆ ซึ่งคอนเทนต์ลักษณะนี้จะมีอายุการใช้งานที่จำกัด เมื่อหมดสัญญาลงแล้ว หนังที่ถูกซื้อมาก็จะถูกถอดออกจาก Netflixต้นทุนในการผลิตคอนเทนต์ออริจินัลของตัวเอง ซึ่งส่วนมากแล้วจะมีฉายเฉพาะใน Netflix เท่านั้น และ Netflix ก็จะถือลิขสิทธิ์ในคอนเทนต์เหล่านั้นด้วย
โดยการรับรู้ค่าใช้จ่ายด้านคอนเทนต์ที่กล่าวไปข้างต้น จะเป็นลักษณะของการทยอยตัดจำหน่ายค่าเสื่อม
อย่างในกรณีของ Netflix 90% ของคอนเทนต์ จะใช้เวลาตัดค่าเสื่อมประมาณ 4 ปี นับตั้งแต่วันที่เริ่มออกฉาย
หมายความว่า เมื่อผ่านไป 4 ปี บริษัทก็จะไม่ต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับคอนเทนต์นั้นอีกต่อไป เพราะถือว่าทยอยรับรู้ไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม การรับรู้ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับคอนเทนต์ในปีแรก ๆ อาจสูงกว่าช่วงปีหลัง ๆ สาเหตุก็เป็นเพราะว่าทางบริษัทคิดค่าเสื่อมแบบอัตราเร่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับธรรมชาติของการบริโภคคอนเทนต์ เพราะโดยปกติแล้ว คอนเทนต์จะมียอดผู้ชมมากที่สุดในช่วงเริ่มแรก และจากนั้นยอดผู้ชมก็จะลดลงไปตามกาลเวลา
ยกตัวอย่างเช่น
ซีรีส์เรื่องหนึ่งใช้ทุนในการสร้าง 100 ล้านบาท
ปีแรก บริษัทก็อาจตัดค่าใช้จ่ายไป 35 ล้านบาท
ปีต่อมา ก็อาจจะตัด 25 ล้านบาท
และตัดอีกปีละ 20 ล้านบาท ในอีก 2 ปีถัดมา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันอุตสาหกรรมสตรีมมิง มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เนื่องจากหลายบริษัทเริ่มพัฒนาแพลตฟอร์มของตัวเอง เช่น HBO, Disney และ Amazon
Netflix จึงต้องลงทุนด้านคอนเทนต์อยู่ทุกปีไปเรื่อย ๆ เพื่อรักษาฐานลูกค้า ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นว่า Netflix มีต้นทุนการขาย คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 61% ของรายได้รวม
และเมื่อรวมกับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ค่าพัฒนาซอฟต์แวร์ ค่าใช้จ่ายด้านการบริหาร ดอกเบี้ย และภาษี
บริษัทจะมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12.6%..
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.