นับตั้งแต่การล้มละลายของ Silicon Valley Bank หรือ SVB เดือนที่แล้ว

ภาคธนาคารของสหรัฐอเมริกาก็เจอกับการกดดันอย่างหนัก โดยหนึ่งในธนาคารที่ได้ถูกคาดว่ามีแนวโน้มจะล้มตามมา ก็คือธนาคาร First Republic เนื่องจากมีโครงสร้างสินเชื่อคล้ายกับ SVB

โดยในช่วงสิ้นสุดไตรมาสแรกของปีนี้ ทางธนาคารรายงานว่าจำนวนเงินฝากของธนาคารนั้นปรับตัวลงมากถึง 40% มาแตะ 3,509,361 ล้านบาท จากเดิมที่ถืออยู่มากถึง 6,000,000 ล้านบาท ในช่วงสิ้นปีที่แล้ว

ซึ่งจำนวนเงินฝากที่ถูกถอนไปจาก First Republic นี้มีมูลค่าเกือบเทียบเท่าเงินฝากทั้งหมดของธนาคารกสิกรไทยในปัจจุบัน..

ด้วยเหตุนี้ ทางธนาคารจึงต้องไปยืมเงินจากธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา และสถาบันการเงินที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ เป็นจำนวน 3,165,490 ล้านบาท เพื่อมาโปะเงินฝากที่ถูกถอนไปดังกล่าว

ซึ่งหลังจากที่มีการรายงานปริมาณเงินฝากของทางธนาคารออกมา ราคาหุ้นของธนาคารก็ร่วงลงมากถึง 22% ทำให้ตั้งแต่ต้นปีนี้ หุ้นร่วงไปแล้วเกือบ 87%

อย่างไรก็ตาม ทาง First Republic ยืนยันว่า การแห่ถอนเงินดังกล่าวได้เริ่มชะลอตัวลงแล้วตั้งแต่ต้นเดือนนี้

โดยตั้งแต่ต้นเดือนนี้จนถึงสัปดาห์ที่แล้ว มีลูกค้าถอนเงินจากธนาคารเพียงแค่ 1.7% ของเงินฝากทั้งหมดของธนาคารเท่านั้น

นอกจากนี้เอง ก่อนหน้านี้ทางธนาคารยังได้รับเงินช่วยเหลือจากธนาคารอื่น ๆ เป็นจำนวนกว่า 1,032,225 ล้านบาท อีกด้วย

วิกฤติธนาคารของสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะเริ่มคลี่คลายลงแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะมีธนาคารไหนล้มเป็นรายต่อไปหรือไม่

เพราะแม้แต่ นักลงทุนในตำนานอย่างคุณ Warren Buffett ก็ยังเคยทำนายไว้ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เราอาจได้เห็นธนาคารล้มละลายเพิ่มอีก ต่อจากนี้..

References
-https://www.nytimes.com/2023/04/24/business/economy/first-republic-earnings.html
-reuters.com/markets/us/buffett-do-not-panic-about-us-banking-industry-2023-04-12/