ถ้าพูดถึงบริษัท และ แบรนด์ระดับโลก ที่นักลงทุนอยากจะลงทุนด้วยมากที่สุด เชื่อว่า Apple และ Tesla ก็น่าจะเป็นตัวเลือกของใครหลายคน

รู้หรือไม่ว่าในปัจจุบัน นักลงทุนชาวไทยสามารถร่วมเป็นเจ้าของบริษัทเหล่านี้ได้ง่าย ๆ ผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่า “DRx” ที่จะทำให้เราสามารถซื้อขายหุ้นต่างประเทศได้บนกระดานตลาดหุ้นไทย
แล้วทำไมช่วงนี้ หุ้น Apple และหุ้น Tesla ถึงน่าสนใจ ?

ช่วงนี้ถือเป็นโอกาสในการลงทุนหุ้นทั้ง 2 ตัวนี้ผ่าน DRx
เพราะทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้จัดโปรโมชันแคมเปญ ที่จะให้ DRx กับผู้ลงทุนฟรี ในวันที่ 16 ม.ค. ถึง 28 ก.พ. 2566 นี้

เพียงผู้ลงทุนมีการถือครอง “AAPL80X” (อ้างอิงหุ้น APPLE Inc.) หรือ “TSLA80X” (อ้างอิงหุ้น TESLA Inc.) รวมมูลค่าตั้งแต่ 1,000 บาท ขึ้นไป ณ วันที่ 28 ก.พ. 2566 เวลา 04.00 น. ก็จะได้รับ DRx เพิ่มอีกเป็นมูลค่า 100 บาท ฟรี ! โดย DRx ที่ได้รับจะเป็น DRx ที่ผู้ลงทุนมีการถือครองที่มีมูลค่ารวมสูงที่สุด

หรือหากมีการถือครอง DRx ทั้ง 2 ตัวแล้วมีมูลค่ารวมเท่ากัน ก็จะได้รับ AAPL80X
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพอร์ตของเราประกอบไปด้วย AAPL80X มูลค่า 500 บาท และ TSLA80X มูลค่า 500 บาท เราก็จะได้รับ AAPL80X มูลค่า 100 บาท มาเพิ่มอยู่ในพอร์ตของเรา หลังสิ้นสุดช่วงโปรโมชัน

นอกจากนี้แล้วโบรกเกอร์ที่ให้บริการ ในการร่วมโปรโมชันก็มีมากถึง 26 แห่ง
ทั้งนี้ ใครที่เปิดบัญชีกับโบรกเกอร์ดังกล่าว และสนใจเข้าร่วมโปรโมชัน ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังนี้
- ล็อกอินเข้าไปในแอป Streaming
- เจอ Pop Up Banner โปรโมชัน
- กดคลิกเข้าร่วมโปรโมชันได้เลย

แต่ถ้าหากใครไม่เห็น Pop Up Banner ก็สามารถคลิกที่ Icon My Menu
จากนั้นเลือก หัวข้อ DRx Promotion แล้วก็จะสามารถคลิกเข้าร่วมโปรโมชันได้เช่นกัน

หลังจากที่เรากดเข้าร่วมโครงการแล้ว แอป Streaming ของเรา ก็จะขึ้นข้อความแจ้งเตือนว่า เราได้เข้าร่วมแคมเปญ DRx Promotion แล้ว
อย่าลืมนะครับ สำหรับใครที่มีบัญชีหุ้นอยู่แล้วแล้วยังไม่มีบัญชี DRx ก็สามารถแจ้งความประสงค์เพื่อซื้อขาย Drx ได้เลยที่นี่ https://setga.page.link/Dbwer6v8sBPAJ8ACA

ปัจจุบัน มี DRx ที่เปิดให้ลงทุนผ่านตลาดหุ้นไทยได้แล้ว 2 ตัว นั่นก็คือ

- AAPL80X อ้างอิงหุ้น Apple Inc.
- TSLA80X อ้างอิงหุ้น Tesla Inc.

แล้วทำไมช่วงนี้ ถึงเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุนใน 2 บริษัท ?

ก่อนอื่นก็เริ่มที่ Apple ก่อน

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา Apple เผชิญกับปัญหาทางด้านซัปพลายเชน ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการล็อกดาวน์ของประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้การผลิตสินค้าของบริษัทต้องติดขัดไป

นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้ว เมื่อปีที่ผ่านมา สภาพตลาดโดยรวมทั่วโลกก็อยู่ในช่วงขาลง
จากปัญหาด้านเงินเฟ้อ ที่ส่งผลให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ย

ในขณะที่ ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเองก็ปรับลดลงอย่างหนักด้วยเช่นกัน
โดยดัชนีหุ้น Nasdaq ปรับลดลง -33.1% ในปีที่ผ่านมา

ด้วยปัญหาทั้งด้านซัปพลายเชน และสภาพตลาดที่อยู่ในช่วงขาลงนี้เอง หุ้น Apple จะปรับลดลงด้วย โดยราคาหุ้น Apple ก็ปรับลดลงมาแล้ว 25% ในรอบปีที่ผ่านมา

แต่ Apple ก็ยังคงเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และสามารถขยาย Ecosystem ไปตีตลาดอุปกรณ์อื่น ๆ ได้ ทั้ง Smartwatch และหูฟัง True Wireless ทั้ง Apple Watch และ AirPods

โดย Apple ยังคงเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ที่ 2,123,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 12 ม.ค. 2566)

สำหรับ Tesla เอง ก็เจอปัญหาที่คล้ายกับ Apple เช่นกัน

โดยในช่วงที่ผ่านมา Tesla ก็เจอปัญหาซัปพลายเชน และสภาพตลาดช่วงขาลงจนส่งผลให้ ราคาหุ้น Tesla ปรับตัดลดลง 65% ในช่วงปีที่ผ่านมา

แต่ Tesla ก็ยังเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 389,090 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 12 ม.ค. 2566) นอกจากนี้ Tesla ยังเป็นแบรนด์รถที่มีศักยภาพในการทำกำไรสูงด้วยเช่นกัน

โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีก่อน Tesla มีอัตรากำไรสุทธิ 15.5%
ในขณะที่ Toyota มีอัตรากำไรสุทธิ 7.4%
จึงจะเห็นได้ว่า Tesla ทำกำไรเก่งกว่า Toyota เป็น 2 เท่า..

จะเห็นได้ว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาทั้ง 2 แบรนด์นี้ จะประสบปัญหาทำให้มูลค่ากิจการลดลง
ทั้ง Apple และ Tesla เองก็ยังถือว่าเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
ดังนั้น จึงอาจเรียกได้ว่า ช่วงนี้อาจเป็นโอกาส ที่เราจะเข้าลงทุนในหุ้นทั้ง 2 แบรนด์ระดับโลกนี้ในราคาที่เหมาะสม

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าใครอยากทำความรู้จัก DRx เพิ่มขึ้นและสนใจเข้าร่วมโปรโมชันพิเศษ
ก็สามารถดูรายละเอียดโบรกเกอร์ที่ให้บริการเปิดบัญชี แจ้งความประสงค์เพื่อซื้อขาย DRx
ได้ที่นี่ https://setga.page.link/Dbwer6v8sBPAJ8ACA

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน