
วิธีมองหา หุ้นแข็งแกร่ง ในตลาดหุ้นไทย สไตล์ Peter Lynch
5 มี.ค. 2025
ตลาดหุ้นไทยซึมลงต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดหุ้นต่างประเทศ ที่ปรับตัวขึ้นไม่หยุด
เพราะตลาดหุ้นบ้านเราเผชิญปัจจัยลบถาโถม ทั้งเรื่องการถูก Forced Sell ของหุ้นที่ถูกนำไปวางในบัญชีมาร์จิน ความกังวลเรื่องสงครามการค้า รวมถึงแรงขายจาก LTF
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ดัชนี SET ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทใหญ่ปรับตัวลงมากว่า 25% ขณะที่ดัชนี mai ตัวแทนของบริษัทเล็กก็ติดลบเกือบ 60%
และล่าสุดก็เป็นการปรับตัวลงของหุ้น DELTA รวมถึง AOT ซึ่งเป็นหุ้นใหญ่ที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวขึ้นลงของดัชนี
ทั้งหมดนี้ทำให้นักลงทุนหลายคนส่ายหัว
หมดความหวังกับตลาดหุ้นไทย
หมดความหวังกับตลาดหุ้นไทย
แต่ในทุกวิกฤติก็ยังมีโอกาส เพราะว่าในแต่ละสภาพตลาด ก็จะมีกลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนโดดเด่น แตกต่างกันไป
ทำให้วันนี้ เราจะลองเปลี่ยนมุมมอง มามองผ่านสายตาของคุณ Peter Lynch นักลงทุนระดับตำนาน
ว่าถ้าหากเขามองมายังตลาดหุ้นไทย หุ้นแบบไหนที่เขาน่าจะเห็นว่าเป็นโอกาสบ้าง ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ในหนังสือ One Up On Wall Street ชื่อดังที่เขียนโดยคุณ Peter Lynch นักลงทุนระดับตำนาน และผู้จัดการกองทุน Fidelity Magellan
เขาจะแบ่งหุ้นออกเป็น 6 ประเภท คือ
หุ้นโตช้า (The Slow Growers)หุ้นแข็งแกร่ง (The Stalwarts)หุ้นโตเร็ว (Fast Growers)หุ้นวัฏจักร (Cyclicals)หุ้นฟื้นตัว (Turnarounds)หุ้นที่มีทรัพย์สินมาก (Asset Play)
โดยตอนที่ตลาดเป็นขาลงหรือเกิดวิกฤติ หุ้นกลุ่มที่เขาให้ความสนใจมากที่สุดคือ หุ้นแข็งแกร่ง
นิยามของหุ้นกลุ่มนี้ คือ บริษัทขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง คนทั่วไปรู้จัก มีพื้นฐานแข็งแกร่ง และธุรกิจเติบโตเรื่อย ๆ แต่ไม่หวือหวามาก
โดยปกติหุ้นเหล่านี้ มักซื้อขายในราคาที่ค่อนข้างแพง เพราะเป็นธุรกิจที่มีคุณภาพ
แต่ในช่วงวิกฤติที่ตลาดซบเซา นักลงทุนมักเทขายหุ้นทุกตัว ไม่เว้นแม้แต่หุ้นคุณภาพดี ทำให้ราคาลงมาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง
นี่จึงเป็นจังหวะที่น่าสนใจในการลงทุน เพราะถึงแม้ราคาหุ้นจะลง แต่ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจ บริษัทเหล่านี้มักผ่านพ้นวิกฤติไปได้
และเมื่อตลาดฟื้นตัวกลับมา ราคาหุ้นก็จะสามารถปรับตัวกลับขึ้นได้เช่นกัน
โดยหุ้นแข็งแกร่งที่คุณ Peter Lynch ยกตัวอย่างในหนังสือที่เขียนในช่วงปี 1989 คือ
Coca-Cola บริษัทเครื่องดื่มน้ำอัดลมระดับโลก3M บริษัทผู้ผลิตสินค้าและอุปกรณ์สำนักงาน ที่เราคุ้นเคยอย่างกระดาษโน้ตแปะ Post-itProcter & Gamble เจ้าของสินค้าที่เรารู้จัก อย่างผ้าอ้อมเด็ก Pampers และแชมพู Head & ShouldersBristol Myers บริษัทผลิตยาและเวชภัณฑ์ชั้นนำ ต่อมาควบรวมกับ Squibb เป็น Bristol-Myers SquibbRalston Purina ผู้ผลิตอาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ Purina และ Friskies ต่อมาถูกซื้อกลายเป็นส่วนหนึ่งของ NestléKellogg ผู้ผลิตซีเรียลคอร์นเฟลกส์ โดยต่อมาแยกเป็น Kellanova และ WK Kellogg Co
จะเห็นว่า จุดร่วมของหุ้นเหล่านี้คือ เป็นธุรกิจที่มั่นคง ผลิตสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และมีกลุ่มลูกค้าที่กลับมาใช้งานหรือซื้อซ้ำเรื่อย ๆ
เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดี แม้คนจะลดการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย อย่างเช่น เครื่องประดับ รถยนต์ หรือร้านอาหารราคาแพง แต่ก็ยังคงต้องซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันเหมือนเดิม
ทีนี้หากเราลองนำแนวคิดนี้มาใช้กับตลาดหุ้นไทย กลุ่มธุรกิจที่เข้าข่าย อาจจะเป็น
กลุ่มผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคม เพราะอินเทอร์เน็ต และการสื่อสารกลายเป็นปัจจัยพื้นฐานที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันไปแล้วกลุ่มโรงพยาบาล เพราะการรักษาพยาบาลถือเป็นหนึ่ง ในปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เพราะเป็นสินค้าจำเป็น ที่ผู้คนยังต้องกินต้องใช้
อีกทั้งบางสินค้าอาจขายดีขึ้นด้วย เพราะในช่วงวิกฤติเรามักจะมองหาทางเลือกที่ประหยัดกว่าเดิม
โดยหุ้นกลุ่มเหล่านี้สะท้อนแนวคิดการมองหาบริษัทแข็งแกร่ง ทนทานต่อภาวะเศรษฐกิจ และยังสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องได้
อย่างไรก็ตาม แนวคิดของคุณ Peter Lynch อ้างอิงจาก สถานการณ์ที่ตลาดเผชิญแรงเทขายรุนแรง ทำให้หุ้นส่วนใหญ่ถูกกดดันจนราคาปรับลดลงทั่วกระดาน
แต่หากพิจารณาตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน แม้ดัชนีจะปรับตัวลง แต่หุ้นขนาดใหญ่หลายตัวยังไม่ได้ถูกเทขายหนักเท่ากับตลาดโดยรวม
นั่นหมายความว่า แม้หุ้นแข็งแกร่งเหล่านี้ จะมีปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและมีโอกาสฟื้นตัวเมื่อเศรษฐกิจกลับมา แต่หากราคาหุ้นตอนนี้ยังไม่ถูกพอ
ถ้าเป็นคุณ Peter Lynch เอง ก็คงยังไม่รีบเข้าซื้อทุกตัวในทันที
แต่จะจับตาดูเป็นรายตัว และประเมินมูลค่าพื้นฐาน รอคอยจังหวะที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ลงทุนในธุรกิจที่ดี ในราคาที่คุ้มค่าจริง ๆ..
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีเจตนาชี้นำ ให้ซื้อหรือขายหุ้นเหล่านี้ การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน ก่อนการตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#PeterLynch
References
ข้อมูลดัชนีตลาดหุ้น วันที่ 19/02/2568หนังสือ One Up On Wall Street : เหนือกว่าวอลสตรีท (2555) โดย Peter Lynch และ John Rothchild