สรุปเคล็ดลับ จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร ให้ความเสี่ยงต่ำได้ สไตล์นักลงทุนระดับโลก

สรุปเคล็ดลับ จัดพอร์ตลงทุนอย่างไร ให้ความเสี่ยงต่ำได้ สไตล์นักลงทุนระดับโลก

19 ก.ย. 2024
ลงทุนในหุ้นหลากหลายประเทศเพื่อกระจายความเสี่ยงแล้ว แต่ทำไมเวลาตลาดหุ้นสักแห่งหนึ่งลงที 
หุ้นอีกหลากหลายดัชนี ที่เราลงทุนอยู่ กลับจับมือกันไหลลงไปพร้อมกันเสียอย่างนั้น
ถ้าคุณประสบกับปัญหานี้อยู่ อาจเป็นเพราะว่าเรากำลังลงทุนสินทรัพย์ ที่วิ่งไปในทิศทางเดียวกันก็เป็นได้
ซึ่งสิ่งที่จะบอกว่าสินทรัพย์ตัวไหน วิ่งไปในทิศทางเดียวกันบ้าง ก็คือตัวเลขที่ชื่อว่า Correlation Coefficient หรือค่าสหสัมพันธ์ 
และตัวเลขนี้นั้น ก็เป็นส่วนประกอบหนึ่ง ในเคล็ดลับที่เรียกว่า Holy Grail ซึ่งนักลงทุนระดับโลกอย่างคุณ Ray Dalio ใช้ในการจัดพอร์ตการลงทุน นั่นเอง
แล้วถ้าหากสงสัย ว่าการดูค่าสหสัมพันธ์ จะช่วยเรื่องการลงทุน ได้อย่างไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
ในด้านของการลงทุนนั้น ค่าสหสัมพันธ์ก็คือสิ่งที่บอกว่าราคาสินทรัพย์ 2 ตัว กำลังวิ่งไปในทางเดียวกันหรือไม่ 
ทำให้ในวงการการเงินและการลงทุน มักจะนำค่าสหสัมพันธ์ มาใช้ในการช่วยจัดพอร์ตโฟลิโอของนักลงทุน
โดยค่าสหสัมพันธ์จะมีค่าตั้งแต่ -1 ถึง 1 และเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งการตีความค่าสหสัมพันธ์นั้นก็คือ
- ค่าสหสัมพันธ์เป็นบวก 
หมายความว่า ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะวิ่งไปในทางเดียวกัน 
โดยถ้ายิ่งเข้าใกล้ 1 มากเท่าไร ก็แปลว่า ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะวิ่งไปในทางเดียวกันมากขึ้นเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่น ดัชนี S&P 500 มีค่าสหสัมพันธ์กับ ดัชนีหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว อยู่ที่ประมาณ 0.89 
ซึ่งก็แปลว่า ถ้าหากดัชนีหุ้นสหรัฐอเมริกาปรับตัวขึ้น คือมีโอกาสค่อนข้างสูงที่ดัชนีหุ้นประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ จะปรับตัวขึ้นตามด้วย   
- ค่าสหสัมพันธ์เป็นลบ 
หมายความว่า ราคาหลักทรัพย์มีแนวโน้มที่จะวิ่งไปในทางตรงข้ามกัน 
โดยถ้ายิ่งเข้าใกล้ -1 มากเท่าไร ก็แปลว่า ราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มที่จะวิ่งไปในทางตรงกันข้ามมากขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น ดัชนีพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐอเมริกา มีค่าสหสัมพันธ์กับ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ อยู่ที่ประมาณ -0.34 
ซึ่งก็แปลว่า ถ้าหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ก็ค่อนข้างมีแนวโน้มที่ราคาพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐอเมริกาจะปรับตัวลง
- ค่าสหสัมพันธ์เท่ากับ 0 หรือใกล้เคียง 
หมายความว่า ราคาหลักทรัพย์จะไม่มีความสัมพันธ์กันเลย หรือมีแนวโน้มที่จะวิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง แบบไม่เกี่ยวข้องกัน
ยกตัวอย่างเช่น ราคาทองคำโลก มีค่าสหสัมพันธ์กับ ดัชนีหุ้นเล็กของสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ประมาณ 0.01
ถ้าเป็นแบบนี้ก็แปลว่า ไม่ว่าหุ้นเล็กของสหรัฐอเมริกา จะขึ้นหรือลง ก็ไม่ได้ทำให้ราคาทองคำโลก ขึ้นหรือลงตามเลยแม้แต่น้อย
การกระจายการลงทุน ไปยังสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน และมีค่าสหสัมพันธ์ระหว่างกันใกล้เคียง 0 นี้เอง คือสิ่งที่คุณ Ray Dalio ใฝ่หา
เพราะการลงทุนในสินทรัพย์ที่วิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง โดยไม่เกี่ยวข้องกันแบบนี้ ก็จะลดโอกาสเกิดเหตุการณ์ที่สินทรัพย์ต่าง ๆ ในพอร์ตการลงทุนของเรา จับมือกันไหลตามสภาพตลาดที่แย่ แบบที่กล่าวไปข้างต้น
และทำให้พอร์ตการลงทุนของเรา มีความเสี่ยงที่ต่ำลง โดยที่ผลตอบแทนโดยรวมลดลงไม่มากนัก ทำให้เขาเรียกว่าสิ่งนี้คือ Holy Grail หรือจอกศักดิ์สิทธิ์
เคล็ดลับนี้ ยังสะท้อนอยู่ในวิธีการจัดพอร์ตการลงทุนแบบ All Weather Portfolio ของคุณ Ray Dalio ที่เขาแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ได้แก่
- กองทุนอิงดัชนีหุ้น 30%
- กองทุนตราสารหนี้ระยะยาว 40%
- กองทุนตราสารหนี้ระยะกลาง 15%
- กองทุนสินค้าโภคภัณฑ์ 7.5%
- กองทุนทองคำ 7.5% 
ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้ จากข้อมูลในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ก็มีค่าสหสัมพันธ์ระหว่างกัน ค่อนข้างใกล้เคียง 0
จะเห็นได้ว่าค่าสหสัมพันธ์ หรือ Correlation Coefficient ถือว่าเป็นหนึ่งในตัวช่วยจัดพอร์ตการลงทุน ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพเลยทีเดียว 
แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องเข้าใจด้วยว่า การจัดพอร์ตให้มีค่าสหสัมพันธ์ใกล้เคียง 0 เป็นการช่วยลดความเสี่ยงลงเท่านั้น ไม่ได้เป็นการช่วยเร่งผลตอบแทน
ทำให้การเลือกสินทรัพย์ที่ดีและมีคุณภาพ เข้าสู่พอร์ตการลงทุน ก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลย..        
#ลงทุน
#หลักการลงทุน
#RayDalio
References
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.