เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ? สรุปรายการ Billion Insight

เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ? สรุปรายการ Billion Insight

16 พ.ย. 2022
เลือกกองทุนลดหย่อนภาษีอย่างไร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ? สรุปรายการ Billion Insight
Q: การซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี นอกจากลดหย่อนภาษีแล้ว มีสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง ?
A: ช่วยให้เราเก็บออมเพื่อลงทุน ทำให้เงินงอกเงยในระยะยาว ดังนั้นควรมองการที่ได้ลดหย่อนภาษีเป็นแค่ของแถม
Q: ใครบ้างที่ควรมองหากองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ?
A: คนที่รายได้เริ่มอยู่ในเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
และหวังอยากจะเริ่มวางแผนทางการเงิน เพื่อการเก็บออมในระยะยาว
Q: กองทุน SSF คืออะไร ?
A: SSF ย่อมาจาก Super Saving Fund คือ กองทุนรวมเพื่อการออม
โดยถ้าซื้อแล้วต้องถือไม่น้อยกว่า 10 ปี และใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุดได้ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
และสามารถลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่มีขั้นต่ำ และไม่ต้องซื้อทุกปี
ถ้าปฏิบัติตามเงื่อนไขครบ เมื่อขายกองทุนและได้กำไร ก็จะไม่ต้องเสียภาษี
กองทุนนี้เหมาะกับคนที่ยังอายุไม่มาก และต้องการเก็บออมเงินเพื่อเป้าหมาย อย่างเช่น ออมเงินเป็นค่าเทอมให้ลูก
Q: กองทุน RMF คืออะไร ?
A: RMF ย่อมาจาก Retirement Mutual Fund คือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
หลักการคล้ายกับ SSF แต่สามารถลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
โดยไม่มีขั้นต่ำในการซื้อ แต่ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี
เงื่อนไขเมื่อจะขายได้ คือ จะต้องซื้อต่อเนื่องมาแล้ว 5 ปี
และเมื่อจะขาย ต้องอายุ 55 ปี จึงจะไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรที่ได้จากการขายกองทุนนั้น
กองทุนนี้เหมาะกับคนที่อยากสร้างวินัยในการลงทุน และต้องการออมเงิน เพื่อมีเงินไว้ใช้หลังการเกษียณจากการทำงาน
Q: ปัจจุบัน กองทุน SSF และ RMF ในหมวดอุตสาหกรรมไหน ที่น่าสนใจ ?
A: ช่วงนี้แนะนำให้ลงทุนในหมวดกองทุนตลาดเงิน เพราะมีความผันผวนต่ำ
เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น จึงทำให้กองทุนหมวดนี้จะได้ประโยชน์
แนะนำให้รอจนกว่าทิศทางดอกเบี้ยของ FED และผลการเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกาออกมาก่อน จึงค่อยลงทุนในพวกกองทุนหุ้น
แต่ถ้าอยากลงทุนในกองทุนหุ้น ก็สามารถลงทุนได้ แต่แนะนำว่า ควรลงทุนในกองทุนหุ้นที่ลงทุนในหมวดอุปโภคบริโภค และ Healthcare เพราะจะได้รับผลกระทบจาก Recession น้อย
นอกจากนี้ ยังแนะนำให้ลงทุนแบบทยอยสะสม (DCA)
Q: มีเทคนิคในการเข้าซื้อกองทุนอย่างไร ?
A: นอกจากวิธีการลงทุนแบบ DCA ปกติแล้ว ก็สามารถใช้วิธีจับจังหวะตลาดมาผสมได้
โดยแบ่งเงินที่จะ DCA เป็นครึ่งหนึ่ง
เช่น ถ้าอยากจะ DCA เดือนละ 2,000 บาท
ก็ควรแบ่งเงินให้ DCA แค่ 1,000 บาท ไปก่อน
อีก 1,000 บาท เก็บเอาไว้ เพื่อรอจังหวะเข้าซื้อ ตอนที่ราคากองทุนร่วงลงมา
ซึ่งจากประสบการณ์ของแขกรับเชิญเองพบว่า วิธีดังกล่าวได้ผลตอบแทนมากกว่าวิธี DCA ปกติในช่วงที่ผ่านมา
Q: เทคนิคในการจัดพอร์ตที่อยากแนะนำคืออะไร ?
A: ควรจัดพอร์ตการลงทุนให้มีการผสมผสานจากหลักทรัพย์หลายประเภท เช่น ลงทุนในกองทุนหุ้น, กองทุนตราสารหนี้, กองทุนหุ้นต่างประเทศ, กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนทองคำ
ทั้งยังควรปรับอัตราส่วนการลงทุนในแต่ละกองทุนให้เหมาะสม และมีความสมดุล
Q: เราควรขายกองทุนออกเมื่อไร ?
A: สามารถขายได้เลยเมื่อครบกำหนด
แต่ถ้าในช่วงที่สามารถขายกองทุนได้ กลับเกิดวิกฤติเศรษฐกิจขึ้น ทำให้ผลตอบแทนในการลงทุนกองทุนติดลบ
ก็ควรรอไปก่อนสัก 2-3 ปี ให้วิกฤติเศรษฐกิจคลี่คลายลงก่อน และเมื่อผลตอบแทนเริ่มฟื้นตัวขึ้นมา จึงค่อยขาย
© 2025 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.