รู้จัก 4 มังกรทองของฮ่องกง กลุ่มคนรวยที่สุดในฮ่องกง เจ้าของทรัพย์สิน 3,580,000,000,000 บาท

รู้จัก 4 มังกรทองของฮ่องกง กลุ่มคนรวยที่สุดในฮ่องกง เจ้าของทรัพย์สิน 3,580,000,000,000 บาท

2 ธ.ค. 2024
หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของกลุ่มแชโบล ซึ่งเป็นกลุ่มนักธุรกิจ ที่มีอิทธิพลครอบงำเศรษฐกิจเกาหลีใต้กันมาบ้างแล้ว
แต่รู้ไหมว่า เขตการปกครองพิเศษเล็ก ๆ ของจีนอย่างฮ่องกง ก็มีกลุ่มคนร่ำรวยที่สุด 4 คน ที่ครอบครองความมั่งคั่งเกือบ 1 ใน 3 ของ GDP ฮ่องกง เช่นเดียวกัน
MONEY LAB ขอเรียกกลุ่มคนเหล่านี้ว่า “4 มังกรทอง”
ซึ่งชื่อนี้มีที่มาจากความเชื่อในหลักฮวงจุ้ย และแหล่งที่มาของความมั่งคั่งของ 3 ใน 4 คนที่รวยที่สุดในฮ่องกงด้วย
แล้ว เรื่องราวของแต่ละคน เป็นอย่างไรบ้าง แล้วแต่ละคนสร้างความมั่งคั่งมาจากธุรกิจอะไร ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
เมื่อพูดถึงคนที่ร่ำรวยที่สุดของฮ่องกง ก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “Li Ka-shing”
คุณ Li Ka-shing เป็นมหาเศรษฐีที่เริ่มต้นจากศูนย์ เขาต้องเริ่มต้นหาเลี้ยงครอบครัวตั้งแต่อายุ 15 ปี จากการเป็นลูกจ้างในโรงงานผลิตพลาสติก
เมื่อสั่งสมประสบการณ์ และเงินเก็บก้อนหนึ่งได้ ก็เปิดโรงงานผลิตดอกไม้พลาสติกของตัวเอง จนสร้างความร่ำรวยได้
ต่อมาเขาอาศัยจังหวะเข้าซื้อที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง ในช่วงที่มีการประท้วงรัฐบาลฮ่องกงในปี 1967
ก่อนจะขยายธุรกิจไปยังท่าเรือขนส่ง, สัญญาณโทรศัพท์ และร้านค้าปลีกสินค้าความงามอย่าง Watsons
ที่น่าสนใจก็คือ คุณ Li Ka-shing เป็นนักลงทุนที่มีสายตาแหลมคมมาก จากการเข้าลงทุนใน Facebook ตั้งแต่ปี 2007 
ปัจจุบันคุณ Li Ka-shing มีความมั่งคั่งรวม 1,257,280 ล้านบาท
มังกรทองคนที่ 2 คือ “Lee Shau Kee”
คุณ Lee Shau Kee เป็นมหาเศรษฐีฮ่องกงอีกคน ที่เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง
เขาเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่เริ่มอพยพเข้ามาอยู่ในฮ่องกง หลังพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ามาปกครองประเทศ
ในช่วงแรก เขาเข้าทำงานเป็นเสมียนอยู่ในบริษัทค้าเงินตรา และทองคำแห่งหนึ่งในฮ่องกง ก่อนจะสั่งสมประสบการณ์และเงินทุน สร้างบริษัทเป็นของตัวเอง
เขาเป็นเจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของฮ่องกง ชื่อ Henderson Land 
บริษัทแห่งนี้ เป็นเจ้าของพื้นที่เช่าในโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ รวม 2.2 ล้านตารางเมตร ซึ่งกว่า 90% เป็นพื้นที่เช่าในอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้า
และหากใครเคยไปพักที่โรงแรม Four Seasons ในฮ่องกง ก็อาจกลายเป็นลูกค้าของ Henderson Land อย่างไม่รู้ตัว เพราะบริษัทนี้เป็นเจ้าของโรงแรม Four Seasons ในฮ่องกงด้วย
นอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แล้ว เขายังเป็นเจ้าของธุรกิจผลิตและจำหน่ายก๊าซรายใหญ่ที่สุดของฮ่องกงอีกด้วย
ปัจจุบันคุณ Lee Shau Kee เป็นเจ้าของความมั่งคั่งมูลค่า 937,750 ล้านบาท
มังกรทองคนที่ 3 คือ “Henry Cheng”
คุณ Henry Cheng เป็นทายาทนักธุรกิจใหญ่ของฮ่องกง เจ้าของบริษัท Chow Tai Fook Jewellery และ New World Development
จุดเริ่มต้นของอาณาจักรธุรกิจของตระกูล Cheng มาจากพ่อของคุณ Henry Cheng ที่ชื่อคุณ Cheng Yu Tung ซึ่งเคยเป็นเด็กฝึกงานร้านขายทองในมาเก๊าชื่อ Chow Tai Fook 
ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาได้พบรักกับลูกสาวเจ้าของร้านทอง และแต่งงานกันในที่สุด
คุณ Cheng Yu Tung ได้ย้ายมาเปิดร้านเครื่องประดับแห่งใหม่ในฮ่องกง ซึ่งในเวลานั้น ฮ่องกงเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย เต็มไปด้วยพ่อค้า และนักธุรกิจมีฐานะ
ร้านเครื่องประดับของตระกูล Cheng จึงสร้างผลกำไรได้เป็นจำนวนมาก คุณ Cheng Yu Tung จึงนำเงินไปก่อตั้งบริษัทอสังหาฯ คือ New World Development ในปี 1970
บริษัทแห่งนี้เป็นเจ้าของแบรนด์โรงแรม 5 ดาว Rosewood และห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในฮ่องกง
แล้วรู้ไหมว่า โรงแรม Rosewood ย่านเพลินจิตในไทย ที่เป็นของบริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด ของคุณเอม พินทองทา ลูกสาวของคุณทักษิณ ชินวัตร 
ก็เป็นการไปซื้อแบรนด์มาจาก New World Development และจ้างบริษัท Rosewood Hotel Group มาบริหารอีกที
ปัจจุบันคุณ Henry Cheng และครอบครัว มีความมั่งคั่งรวม 769,510 ล้านบาท
มังกรทองคนที่ 4 คือ “Sammy Lee”
คุณ Sammy Lee เป็นทายาทของแบรนด์ Lee Kum Kee ผู้ผลิตซอสหอยนางรมรายแรก และรายใหญ่ที่สุดของโลก
จุดเริ่มต้นของธุรกิจตระกูลนี้ ต้องย้อนไปไกลถึงปี 1902 มีพ่อครัวที่ชื่อคุณ Lee Kum Sheung ได้ตั้งหม้อเคี่ยวน้ำซุปหอยนางรมทิ้งไว้นานเกินไป
นึกได้อีกที น้ำซุปหอยนางรม ก็กลายมาเป็นน้ำหนืด ๆ สีน้ำตาลเข้ม แต่มีกลิ่นหอม
เมื่อเขาดมเสร็จ ก็ลองเอามือตักน้ำหนืด ๆ เข้าปาก แล้วรู้สึกถึงความอร่อยแบบเกินห้ามใจ
เขาจึงนำซอสหอยนางรม ที่เกิดจากการลืมปิดเตาไฟ มาวางขายหน้าร้านของเขา พร้อมกับตั้งชื่อแบรนด์ว่า Lee Kum Kee
แต่พอขายดีได้สักพัก ก็เจอกับคู่แข่งหน้าใหม่ ที่มาขายซอสหอยนางรมแข่งกัน 
เขาเลยตัดสินใจเปลี่ยนที่ขาย จากจีนแผ่นดินใหญ่ สู่ฮ่องกง ที่เต็มไปด้วยลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง
แม้กาลเวลาจะล่วงเลยผ่านมาเป็น 100 ปี แต่ตระกูล Lee ก็ยังคงทำธุรกิจเดิมมาโดยตลอด นั่นก็คือ การขายซอสหอยนางรม 
จนมาถึงรุ่นที่ 4 คุณ Sammy Lee ก็ต้องการสร้างธุรกิจใหม่ขึ้นมา เป็นธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพ
ธุรกิจใหม่นี้ ประสบความสำเร็จมาก จนทำรายได้มากกว่าธุรกิจดั้งเดิม อย่างซอสหอยนางรมเสียอีก
ปัจจุบันคุณ Sammy Lee มีความมั่งคั่งรวม 616,305 ล้านบาท
ข้อสังเกตหนึ่ง ที่น่าสนใจเกี่ยวกับความมั่งคั่งของคนที่รวยที่สุดในฮ่องกงทั้ง 4 คน คือ 3 ใน 4 ร่ำรวยมาจากธุรกิจอสังหาฯ
ซึ่งถ้าให้ลองวิเคราะห์ดู ก็น่าจะเป็นเพราะว่าฮ่องกง เป็นศูนย์กลางทางการเงิน และเมืองท่าที่สำคัญของโลก ทำให้เป็นเหมือนแหล่งรวมตัวของคนมีกำลังซื้อสูง ทั้งจากในฮ่องกงเองและทั่วโลก
ในขณะเดียวกันฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตการปกครองพิเศษ มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนัก จำนวนอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง จึงมีจำนวนค่อนข้างจำกัด เพราะขยายต่อได้ยาก 
ทำให้อสังหาฯ ในฮ่องกงมีมูลค่าดั่งทองคำ ด้วยความต้องการจากนักธุรกิจทั่วโลก
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ อาคารส่วนใหญ่ในฮ่องกง จะถูกสร้างตามหลักฮวงจุ้ย คือหากอาคารไหนตั้งอยู่ระหว่างภูเขา และทะเล
อาคารนั้นจะต้องเว้นรูขนาดใหญ่ไว้ตรงกลางอาคาร เพราะชาวจีนเชื่อว่ามังกรที่อาศัยอยู่ในภูเขา จะออกมากินน้ำที่มหาสมุทร
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ผู้ครอบครองธุรกิจอสังหาฯ ในฮ่องกง ซึ่งมักจะได้ซื้อทำเลดี ๆ แบบนี้ จะกลายมาเป็น 1 ใน 4 มังกรทองคำของฮ่องกงได้อย่างไม่ยากเย็นนัก..
#ธุรกิจ
#หุ้นนอก
#ฮ่องกง
References
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.