สร้างความมั่งคั่งอย่างไร ให้เติบโตตลอด 100 ปี ฉบับตระกูลมหาเศรษฐี ที่ลึกลับที่สุดในโลก

สร้างความมั่งคั่งอย่างไร ให้เติบโตตลอด 100 ปี ฉบับตระกูลมหาเศรษฐี ที่ลึกลับที่สุดในโลก

18 ก.ย. 2024
100 ปีมาแล้วที่ตระกูลนี้ถือหุ้น AstraZeneca บริษัทยาระดับโลก ที่มีผลงานเลื่องชื่อ อย่างวัคซีนป้องกันโรค ในช่วงโรคระบาด
แต่ไม่เพียงเท่านั้น ตระกูลนี้ยังเข้าไปถือหุ้นของบริษัทที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น 
- Electrolux ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน
- Saab ผู้ผลิตเครื่องบินรบ Gripen ที่กองทัพอากาศไทยใช้กันอยู่
- Nasdaq เจ้าของตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในสหรัฐอเมริกา
แต่รู้หรือไม่ว่าบริษัทเหล่านี้ มีเจ้าของเป็นคนกลุ่มเดียวกัน นั่นคือ ตระกูล Wallenberg ซึ่งเป็นตระกูลเศรษฐีเก่าแก่ของสวีเดน
ตระกูล Wallenberg เป็นเจ้าของทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 720,000 ล้านบาท
แม้ตระกูลนี้จะมีทรัพย์สินมากมาย แต่ชื่อของตระกูลนี้ กลับไม่ได้ถูกจัดอันดับอยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐีของ Forbes หรือ Bloomberg 
เรียกได้ว่าเป็นตระกูลเศรษฐีที่ลึกลับ ไม่ต่างอะไรจากตระกูล Rockefeller เลย
แล้วทำไมตระกูลที่มีทรัพย์สินมากกว่า 720,000 ล้านบาท อย่างตระกูล Wallenberg กลับไม่ถูกจัดอันดับอยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐี ?
MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน การลงทุน ให้เข้าใจง่าย ๆ
จุดเริ่มต้นของตระกูล Wallenberg ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1856 หรือเมื่อเกือบ 200 ปีที่แล้ว
ต้นตระกูล Wallenberg อย่างคุณ André Oscar เป็นผู้ก่อตั้งธนาคาร Stockholms Enskilda Bank (SEB) 
ในยุคนั้น SEB ถือว่าเป็นธนาคารยุคแรก ๆ ของประเทศสวีเดน ที่รับฝากเงินของประชาชนทั่วไป แล้วมาปล่อยกู้ให้ภาคธุรกิจ
อีก 40 ปีต่อมา สวีเดนเริ่มประสบปัญหาเศรษฐกิจ ธุรกิจหลายแห่งส่อแววจะล้มละลาย
ธนาคารที่ปล่อยกู้ในยุคนั้นมีทางเลือก 2 ทาง คือ จะปล่อยให้ธุรกิจที่เป็นลูกหนี้ล้มละลาย หรือเข้าไปแก้ปัญหาให้ธุรกิจลูกหนี้ กลับมาจ่ายหนี้ได้
SEB เลือกที่จะเข้าไปปรับโครงสร้างธุรกิจให้ลูกหนี้หลายราย จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ตระกูล Wallenberg มีความรู้เรื่องการฟื้นฟูกิจการที่กำลังประสบปัญหา
จนกระทั่งในปี 1916 รัฐบาลสวีเดนออกกฎหมาย ห้ามธนาคารถือหุ้นในธุรกิจอื่น ๆ 
ทำให้ตระกูล Wallenberg ต้องหาทางออก ด้วยการก่อตั้งบริษัท Investor AB ขึ้นมา เพื่อให้เป็นบริษัทด้านการลงทุนของตระกูลโดยเฉพาะ
นอกจากนี้แล้ว ตระกูล Wallenberg ยังจัดตั้งองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชื่อ Knut and Alice Wallenberg Foundation ในปี 1917
เพื่อถือหุ้นในบริษัท Investor AB และนำเงินไปบริจาคให้กับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ของสวีเดน
การใช้องค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เข้ามาถือหุ้นในบริษัท Investor AB ซึ่งเปรียบเสมือนพอร์ตการลงทุนของตระกูล Wallenberg นี้เอง
เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สำนักข่าวด้านการเงินต่าง ๆ ไม่นำชื่อของตระกูล Wallenberg เข้ามาอยู่ในรายชื่อมหาเศรษฐีระดับโลก เหมือนตระกูลอื่น ๆ
เพราะทรัพย์สินที่อยู่ในองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จะไม่ถูกนับว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของคนในตระกูลนั่นเอง
โดย Investor AB ได้เริ่มเข้าไปลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ในสวีเดน และประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก นับตั้งแต่ปี 1916 จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งแนวทางการลงทุนของบริษัท Investor AB นั้น มักจะเป็นการลงทุนในระยะยาว และบางครั้งก็เข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารธุรกิจด้วย
เพราะจากประสบการณ์ในการฟื้นฟูกิจการที่กำลังมีปัญหา ให้กลับมาดำเนินธุรกิจได้เป็นปกติในอดีต และการส่งต่อองค์ความรู้จากรุ่นสู่รุ่น
ก็ทำให้บริษัทด้านการลงทุนของตระกูล Wallenberg มีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีในระยะยาวไปด้วย
ตัวอย่างบริษัทที่ Investor AB ถือหุ้นมาอย่างยาวนานเป็น 100 ปี จนถึงปัจจุบัน ก็เช่น
Atlas Copco ที่เข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 1916 และ AstraZeneca ที่เข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 1924
แม้สมาชิกของตระกูล Wallenberg ผู้ทำการซื้อหุ้นของ 2 บริษัทนี้จะไม่อยู่แล้ว แต่หุ้นของ 2 บริษัทนี้ก็ยังอยู่ และถูกส่งต่อให้ทายาทถึงปัจจุบัน นั่นก็คือรุ่นที่ 6 แล้ว
เนื่องจาก Investor AB เป็นนักลงทุนรายใหญ่ ที่เน้นลงทุนระยะยาว ทำให้มูลค่าการลงทุนของบริษัทแห่งนี้ คิดเป็น 1 ใน 3 ของมูลค่าบริษัททั้งหมดในตลาดหุ้นสวีเดนเลยทีเดียว
ปัจจุบัน บริษัท Investor AB เป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นสวีเดน และมีมูลค่ากิจการประมาณ 3 ล้านล้านบาท
โดยมีองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Knut and Alice Wallenberg Foundation ของตระกูล Wallenberg เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 1 ถือหุ้นในสัดส่วน 20% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ 
รู้หรือไม่ว่า ถ้าเรานำเงิน 100,000 บาท ไปซื้อหุ้น Investor AB ตั้งแต่ปี 1988 เงินก้อนนั้นจะมีมูลค่าประมาณ 24,789,000 บาทในปัจจุบัน
คิดเป็นผลตอบแทนทบต้นต่อปีเฉลี่ยสูงถึง 16.5% เลยทีเดียว..
#ลงทุน
#หุ้นนอก
#InvestorAB
References
© 2024 MONEY LAB. All rights reserved. Privacy Policy.