ในรอบปีที่ผ่านมา เราน่าจะเคยเห็นข่าวบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากมาย เผชิญวิกฤติหุ้นกู้ หลายบริษัทขอเลื่อนจ่ายชำระหนี้หุ้นกู้ บางบริษัทก็ถึงขั้นล้มละลายหายออกไปจากตลาด

แต่ในอีกด้านหนึ่ง วิกฤติหุ้นกู้ในรอบปีที่ผ่านมา ก็ทำให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และสามารถอยู่รอดมาได้ มีคู่แข่งในตลาดน้อยลง และมีโอกาสชิงส่วนแบ่งตลาดอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

หนึ่งในนั้นก็คือบริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP ซึ่งเป็นผู้นำในการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม

สะท้อนจากตัวเลขเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2566 ที่มากถึง 56 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 76,000 ล้านบาท และยอดขายรวมมากกว่า 50,000 ล้านบาท

ซึ่ง AP ก็ตั้งเป้าหมายในปี 2567 ว่าจะสร้างยอดขายให้ได้ถึง 57,000 ล้านบาท และรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 53,700 ล้านบาท

แล้วอยากรู้ไหมว่า AP จะมีโครงการอะไรในอนาคต ที่น่าสนใจอีกบ้าง และทำไม AP ถึงกล้าตั้งเป้าหมายที่ท้าทายขนาดนี้ ในช่วงที่คู่แข่งหลายรายยังประสบปัญหาสภาพคล่อง ?

MONEY LAB จะย่อยเรื่องการเงิน ให้เข้าใจง่าย ๆ

ประเทศไทย ถือเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย ไม่ใช่แค่เพียงคนไทยเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงชาวต่างชาติทั่วโลกอีกด้วย

AP เองก็เตรียมเปิดโครงการใหม่ในปี 2567 มากถึง 48 โครงการ เพื่อรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ยกตัวอย่างเช่น

- โครงการเปิดตัวคอนโดมิเนียม LIFE เจริญนคร-สาทร และ ASPIRE ห้วยขวาง
- โครงการบ้านเดี่ยวแบรนด์ THE PALAZZO คฤหาสน์หรูย่านกรุงเทพกรีฑา และปิ่นเกล้า
- โครงการทาวน์โฮม และบ้านแฝด ผ่าน 3 แบรนด์ในเครือ คือ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่, บ้านกลางเมือง ดิ อิดิชั่น, แกรนด์ พลีโน่

สาเหตุสำคัญที่ AP สามารถเปิดตัวโครงการใหม่ได้มากขนาดนี้ ขณะที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายอื่นยังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง เป็นเพราะว่า AP มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง สะท้อนจาก..

อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน เพียง 0.79 เท่า ในปี 2566 ขณะที่บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลายราย มีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน มากกว่า 1 เท่า

โดยยิ่งบริษัทไหนมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำ บริษัทนั้นก็จะยิ่งมีภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายน้อย และแสดงถึงความสามารถของบริษัทที่จะกู้เงินได้เพิ่มขึ้นอีก

นอกจาก AP จะมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง และยังมีความพร้อมในการระดมทุนเพิ่มขึ้นแล้ว บริษัทยังสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้หลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น

1. การออกหุ้นกู้ในตลาด ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทก็สามารถขายหุ้นกู้หมดอย่างรวดเร็ว
2. วงเงินสินเชื่อพร้อมเบิกใช้จากสถาบันการเงิน สูงถึง 12,700 ล้านบาท
3. มีพันธมิตรที่แข็งแกร่งจากญี่ปุ่นอย่าง Mitsubishi Estate Group ซึ่งมีทุนจดทะเบียนผ่านบริษัทลูก มากถึง 12,619 ล้านบาท
4. รายได้ของบริษัทที่มีการกระจายความเสี่ยงเป็นอย่างดี โดย AP มีรายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองกว่า 200 โครงการ ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ

จากข้อมูลข้างต้น เราก็น่าจะเห็นแล้วว่า สุขภาพทางการเงินของ AP ถือว่าแข็งแกร่งมาก ทีนี้เราลองมาดูผลประกอบการของ AP กันดีกว่าว่าในช่วงที่ผ่านมา บริษัทสร้างการเติบโตได้มากแค่ไหน

ปี 2564 รายได้ 40,015 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4,543 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 49,388 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,877 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 48,757 ล้านบาท กำไรสุทธิ 6,054 ล้านบาท
*รายได้ดังกล่าว เป็นตัวเลขที่ AP นับรวมรายได้ 100% จากโครงการร่วมลงทุน (JV) เรียบร้อยแล้ว

จะเห็นได้ว่า AP สามารถสร้างการเติบโตทั้งรายได้ และกำไรสุทธิ มาได้อย่างต่อเนื่อง

สรุปก็คือ AP ให้ความสำคัญในการบริหารสภาพคล่อง มีการกระจายรายได้ โดยไม่ยึดติดกับความสำเร็จของโครงการใดโครงการหนึ่งมากเกินไป และมีความเข้มงวดเรื่องวินัยทางการเงินสูง

ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ AP เติบโต และช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่มาซื้อบ้าน รวมถึงนักลงทุน และพันธมิตรทางธุรกิจได้อีกด้วย..

อัปเดตข่าวสารของทุกโครงการใหม่จาก AP กับบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ตลอดปี 2567 นี้ คลิก https://apth.ly/APNewHome2024

#APBusinessDirection2024 #APTHAI #ชีวิตดีๆที่เลือกเองได้ #APTHAIUpdate2024

References:
-https://www.efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?release=y&ref=M&id=ZXVmMUVqNlRoeFk9
-https://www.set.or.th/th/market/product/stock/quote/ap/factsheet