ทำไมปี 2024 เป็นปีทอง ของหุ้นกู้ | MONEY LAB
แม้ว่าในปี 2023 จะมีข่าวเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ตั้งแต่ ALL, STARK จนมาถึง JKN
ซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่บริษัทขาดสภาพคล่อง
ทำไมปี 2024 เป็นปีทอง ของหุ้นกู้
5 ม.ค. 2024
แต่ในปี 2024 นี้ หุ้นกู้ที่มีเรตติงดี มีกระแสเงินสดจากการทำธุรกิจสม่ำเสมอนั้น ยังคงน่าสนใจอยู่ จนอาจเรียกได้ว่า เป็นปีทองของหุ้นกู้ ก็ว่าได้
แล้วทำไมปี 2024 ถึงเป็นปีทอง ของหุ้นกู้ ?
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
MONEY LAB จะเล่าเรื่องการเงิน ที่โรงเรียนไม่เคยสอน ให้เข้าใจ
เหตุผลหลัก ที่ทำให้ปี 2024 น่าจะเป็นปีทองของการลงทุนในตราสารหนี้ ทั้งพันธบัตรและหุ้นกู้ ก็คือ ดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลง
หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ Fed ขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว 11 ครั้งติดต่อกัน เพื่อปราบเงินเฟ้อในปี 2022-2023 ที่ผ่านมา
ปัจจุบัน ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 5.5% ต่อปี ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 22 ปี
ปัจจุบัน ดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐอเมริกา อยู่ที่ 5.5% ต่อปี ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 22 ปี
และมีการคาดการณ์ว่า ในปี 2024-2026 Fed อาจจะลดดอกเบี้ยรวมกันมากถึง 10 ครั้ง จนดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่ไม่เกิน 3% ต่อปี
สำหรับประเทศไทย ก็ขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 8 ครั้งติดต่อกัน จนปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.5% ต่อปี ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 10 ปี
และมีแนวโน้มที่จะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีก เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ทั้งจากภาคการท่องเที่ยว และการฟื้นตัวของภาคการส่งออก
เมื่อธนาคารกลางเริ่มหยุดขึ้นดอกเบี้ย แถมยังมีแนวโน้มที่จะลดดอกเบี้ยลง ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในหุ้นกู้
ล็อกผลตอบแทนสูง ๆ ไว้ยาว ๆ
การลงทุนในหุ้นกู้วันนี้ ที่ได้รับดอกเบี้ยสูง ๆ แล้วล็อกผลตอบแทนไว้ยาว ๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงทุน
เพราะในอนาคต ถ้าดอกเบี้ยโดยรวมในตลาดลดลง หุ้นกู้ชุดใหม่ที่จะออก ก็จะให้ดอกเบี้ยน้อยลงไปด้วย
หุ้นกู้จะมีค่ามากขึ้น เมื่อดอกเบี้ยลดลง
จากเหตุผลในข้อแรก สมมติว่าวันนี้เราลงทุนในหุ้นกู้ ที่ให้ดอกเบี้ย 4% ต่อปี ทุกปี จนครบอายุ
ปรากฏว่า เมื่อดอกเบี้ยโดยรวมในตลาดลดลง ส่งผลให้หุ้นกู้แบบเดียวกันรุ่นใหม่ อาจให้ดอกเบี้ยเพียงแค่ 3% ต่อปี
ดังนั้น หุ้นกู้ของเราจะเป็นที่ต้องการมากขึ้น เมื่อเรานำไปขายต่อในตลาดรอง และอาจทำให้เราได้กำไรจากส่วนต่างของราคา หรือ Capital Gain
ซึ่งเป็นหลักการง่าย ๆ ที่เราพูดกันติดปากว่า “Yield ตราสารหนี้ลง ราคาตราสารหนี้ขึ้น” นั่นเอง..
โดยถ้าไปดูกองทุนตราสารหนี้หลาย ๆ กองในบ้านเรา ก็จะพบว่า ในช่วงเวลาเพียงแค่ 6 เดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ Fed หยุดขึ้นดอกเบี้ย กองทุนเหล่านี้ให้ผลตอบแทนในระดับ +4% ถึง +7%
ซึ่งถือว่าไม่น้อยเลยสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้
อย่างไรก็ตาม ในตลาดนั้นมีหุ้นกู้หลายตัวที่ให้ดอกเบี้ยสูงเย้ายวนใจ แต่สิ่งที่เราต้องพิจารณาให้ดีก่อนลงทุนในหุ้นกู้ ก็คือ การศึกษาธุรกิจของบริษัทที่ออกหุ้นกู้ให้เข้าใจ
ว่าบริษัทจะมีกระแสเงินสดเพียงพอมาจ่ายดอกเบี้ย และคืนเงินต้นให้เราหรือไม่
เพราะต่อให้หุ้นกู้ตัวนั้น จะเสนอดอกเบี้ยให้เราสูงกี่เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ถ้าถึงวันที่ไม่สามารถจ่ายคืนเงินต้นให้เราได้ ผลตอบแทนจากการลงทุนก็คือ -100%..
References
-https://fred.stlouisfed.org/series/FEDFUNDS
-https://www.bot.or.th/th/our-roles/monetary-policy/about-monetary-policy/policy-rate.html
-https://www.finnomena.com/fund/filter?period=6M&sort=RT_6M,DESC&where%5B%5D=category,%3D,LC00002463
-https://www.bondsavvy.com/fixed-income-investments-blog/fed-dot-plot
-https://fred.stlouisfed.org/series/FEDFUNDS
-https://www.bot.or.th/th/our-roles/monetary-policy/about-monetary-policy/policy-rate.html
-https://www.finnomena.com/fund/filter?period=6M&sort=RT_6M,DESC&where%5B%5D=category,%3D,LC00002463
-https://www.bondsavvy.com/fixed-income-investments-blog/fed-dot-plot